News and Articles

ฟุตบอลสัมพันธ์นัดกระชับมิตร 2010

ฟุตบอลสัมพันธ์นัดกระชับมิตร 2010


หมวดหมู่: ข่าวการตลาด [ข่าวในวงการอาหาร]
วันที่: 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กระแสบอลโลกกำลังมาแรง ช้าไม่ได้เดี๋ยวเค้าจะหาว่า ตกยุคซะงั้น ว่าด้วยบริษัทฯ จัดฟุตบอลสัมพันธ์ระหว่าง คิว ทู เอส VS ยูนิลิเวอร์ (ลาดกระบัง) ในวันที่ 15 กรกฏาคม 2553 ที่สนามฟุตซอล MD 4 ข้างมอเตอร์เวย์ ตั้งแต่เวลา 17:00 น. เป็นต้นไป



ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 1 ที่มาและความสำคัญ
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญ อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาทูน่า เป็นอุตสาหกรรมอาหารที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาทูน่าที่สำคัญ คือ ปลาทูน่ากระป๋องและปรุงแต่ง ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 2553) โดยมีสัดส่วนส่งออกร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ มูลค่าการส่งออกสูงถึง 51,942.3 ล้านบาท ในปี 2553 และเพิ่มขึ้นเป็น 61,461.7 ล้านบาทในปี 2554 (กระทรวงพาณิชย์, 2555) วัตถุดิบหลักเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง คือปลาทูน่าสดแช่เยือกแข็ง ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบหลัก ในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของความต้องการใช้ในประเทศ เนื่องจากการประมงทูน่าของไทยยังไม่สามารถพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการใช้วัตถุดิบได้อย่างเพียงพอ จากข้อมูลการนำเข้าปลาทูน่าสดแช่เยือกแข็งของกระทรวงพาณิชย์ในปี 2554 มีมูลค่าสูงถึง 39,519.02 ล้านบาท ทั้งในปัจจุบันปลาทูน่ามีปริมาณในทะเลลดลง มีการกำหนดโควต้าการจับปลาทูน่าในแต่ละปีและราคาปลาทูน่ามีแนวโน้มที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นและผู้ผลิตยังไม่สามารถต่อรองคุณสมบัติที่เหมาะสมของปลาทูน่าต่อการผลิตได้ ปลาทูน่ากระป๋องเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเนื้อปลาเป็นอาหารที่ย่อยง่าย มีกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential amino acid) ครบทุกชนิดและยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 fatty acid) เช่น DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย (Essential fatty acid) บริโภคได้ทุกเพศทุกวัย และมีการบริโภคกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก ปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อตลาดปลาทูน่าแปรรูปกระป๋องของไทย คือ ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ามีปริมาณเกลือสูง ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น เพราะหากร่างกายรับเกลือมากเกินไปจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและหัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น ปริมาณเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์ 6 กรัมจะมีโซเดียมประมาณ 2,400 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่ควรได้รับและไม่ก่อให้เกิดอันตราย ปัญหาจากผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่มีปริมาณเกลือสูงนี้มีผลต่อตลาดส่งออก การตัดสินใจซื้อของกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน ปริมาณเกลือในผลิตภัณฑ์จากปลาทูน่าเกิดขึ้นจากกระบวนการการแช่เยือกแข็งแบบจุ่ม (Immersion freezing) เพื่อการรักษาความสดของปลา กระบวนการรักษาความสดของปลาทูน่าในเรือประมงทำโดยใช้น้ำไบรน์ (Brine) หรือน้ำเกลือเข้มข้น น้ำไบรน์มีอัตราส่วนน้ำ 100 กิโลกรัมต่อเกลือ 29 กิโลกรัม สามารถทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงถึง -17 ถึง -21.2 องศาเซลเซียส และยังคงสถานะเป็นของเหลว การแช่เยือกแข็งจะแช่ปลาทูน่าที่จับได้ในถังพัก ให้ปลาทุกตัวลงไปจมอยู่ใต้น้ำไบรน์ 1 คืน เพื่อทำให้อุณหภูมิของปลาทูน่าเท่ากัน ให้อุณหภูมิทั่วทั้งตัวปลาได้ -10 องศาเซลเซียส คงอุณหภูมิที่ -10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 วัน การแช่ในน้ำเกลือทำให้ปลาแช่เยือกแข็งอย่างรวดเร็ว แต่ส่งผลเสียคือ ทำให้เกลือแพร่ (Diffusion) เข้าไปในเนื้อปลา จากการสำรวจและสอบถามผู้ประกอบการแปรรูปปลาทูน่าแช่แข็ง บริษัท พัทยาฟู้ดอินดรัสตรี จำกัด พบปัญหาปลาทูน่าแช่แข็งมีปริมาณเกลือสูงเกินกำหนด จาก 1 ใน 3 กลุ่มสินค้า และจากการสุ่มตรวจตัวอย่างจากกลุ่มสินค้าในกระบวนการผลิตปลาทูน่าแปรรูปจากปลาทูน่าแช่แข็ง 3 ขนาดที่พบปัญหาบ่อย ได้แก่ ขนาดน้ำหนักต่ำกว่า 1.4 กิโลกรัม น้ำหนักระหว่าง 1.4 - 1.8 กิโลกรัม และ น้ำหนักระหว่าง 1.8 - 2.5 กิโลกรัม พบปริมาณเกลือในเนื้อปลาทูน่าแช่แข็งก่อนการละลายเฉลี่ย ปริมาณเกลือในเนื้อปลาทูน่าหลังการละลายเฉลี่ย และปริมาณเกลือที่เหลือในผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าก่อนการแปรรูปเฉลี่ยมีปริมาณเกินกว่าผู้ประกอบการกำหนด และจากการตรวจวัดปริมาณเกลือสรุปได้ว่าในกระบวนการละลายสามารถลดปริมาณเกลือในเนื้อปลาทูน่าได้มากกว่าขั้นตอนอื่นๆ โดยคาดว่าการละลายด้วยน้ำ น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีเนื่องจากคุณสมบัติความมีขั้วในโมเลกุลของน้ำอีกทั้งเกลือ (NaCl) เป็นสารประกอบไอออนิกที่ละลายน้ำได้ และเกิดกระบวนการแพร่โดยเกลือในตัวปลาที่มีความเข้มข้นสูงกว่าไปยังน้ำที่ใช้ในการละลายซึ่งมีความเข้มข้นต่ำกว่า โดยจากการสำรวจงานวิจัยที่ผ่านมาไม่พบว่ามีงานวิจัยที่ศึกษาการลดปริมาณเกลือในปลาทูน่าระหว่างขั้นตอนการละลายด้วยน้ำ ซึ่งถ้าลดปริมาณเกลือลงได้ต่ำกว่าร้อยละ 1.2 จะส่งผลต่อการตลาดและภาพลักษณ์ดีที่ของผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพในระดับอุตสาหกรรม 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน เพื่อศึกษาผลของละลาย (Thawing) ในสภาวะน้ำนิ่ง (Natural convection) น้ำวน (Force convection) และน้ำอลวน (Chaotic convection) ต่อการลดปริมาณเกลือในปลาทูน่าหลังการละลาย 1.3 ขอบเขตการศึกษา 1.3.1 ใช้ปลาทูน่าพันธุ์ท้องแถบ (Skipjack tuna) จากแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นปลาแช่ เยือกแข็ง (Frozen fish) มีน้ำหนักระหว่าง 1.4-2.0 กิโลกรัม 1.3.2 ปลาทูน่าที่ใช้ มีปริมาณเกลือก่อนละลายมากกว่าร้อยละ 1.5 ควบคุมการละลายปลาทู น่า จนอุณหภูมิเนื้อติดกระดูก (Back bone) อยู่ระหว่าง 0 ถึง 2 องศาเซลเซียส มีเป้าหมายให้ ปริมาณเกลือหลังการละลายต่ำกว่าร้อยละ 1.2 1.4 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.4.1 ทราบผลของวิธีการละลายที่มีผลต่อการลดลงของปริมาณเกลือและคุณภาพของปลาทูน่า หลังละลาย 1.4.2 สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ขั้นตอนการละลาย ปลาทูน่าแช่แข็งสามารถลดปริมาณเกลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งส่งผลดีต่อการ ตลาดของปลาทูน่ากระป๋อง จเร วงษ์ผึ่ง ววรมน อนันต์ วสันต์ อินทร์ตา เอกสารอ้างอิง 1. กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์. 2554. "Major destination Canneds tunas." [ออนไลน์]. ปรากฎ www.ops3.moc.go.th/menucomen/export_market/report.asp 2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด. 2553. "การส่งออกปลาทูน่ากระป๋องและปรุงแต่ง...ครึ่งหลังปี'53 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง." [ออนไลน์]. ปรากฎ www.positioningmag.com/prnews.aspx?id=88290
โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปรสหมู
โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปรสหมูตรา : คนอร์ (Knor) น้ำหนักสุทธิ (net weight) 35 กรัม (g.) ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ (Ingredients) ข้าวอบแห้ง (Dry rice) 79%เกลือไอโอดีน (Iodized salt) 4.9%น้ำตาล (Sugar ) 3.6%โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) 2.5%โปรตีนถั่วเหลือง (Soy bean protein) 1.4%เครื่องเทศ (Spices) 1.4%หมูอบแห้ง (Dry pork) 0.8%ต้นหอมอบแห้ง (Scalliton dry) 0.3%ไดโซเดียม 5'- ไรโบนิวคลิโอไตด์ (Disodium 5' riboneucleotide) 0.04%วิตามินบี 1 (VitaminB1) 0.0014%แต่งกลิ่นสังเคราะห์ (Artificial flavour) ,ใช้โมโนโซเดียมกลูตาเมตและไดโซเดียม 5'- ไรโบนิวคลิโอไตด์ (MSG and Disodium 5' riboneucleotide) , แป้งสาลี (Wheat flour) , ถั่วเหลือง (Soy bean) , น้ำมันเซเลอรีและซัลไฟต์ (Cerlery oil and Sulphite) ผู้ผลิต (Manufactured) บริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด 181 หมู่ 7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา 24190 Unilever Thai Holdings Co., Ltd. 181 Moo 7, Huasamrong, Plangyao, Chachoengsao 24190จัดจำหน่ายโดย (Distributed by) - วันผลิต (Manufacturing date,MFG) -วันหมดอายุ (Expiration date,EXP) 18 มิถุนายน 2556 (180613) ระยะเวลาการเก็บรักษา (Shelf life) - คำแนะนำ ควรบริโภควันละ 1 ซอง ราคา 10.25 บาท (Baht)
กรีนเฮาส์ไฮบริดอบกล้วยตาก รายแรกของไทย
กรีนเฮาส์ไฮบริดอบกล้วยตาก รายแรกของไทย ปัจจุบันในกระบวนการผลิตกล้วยตากส่วนใหญ่ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อบกล้วยปราศจากสารเคมี และมีคุณภาพมากขึ้น ล่าสุด บริษัท ศิริวานิช (เอส แอนด์ดับเบิ้ลยู) ผู้ผลิตและจำหน่ายกล้วยตากกล้วยม้วนนิ่ม กล้วยอบกรอบ ภายใต้แบรนด์ ไท-ไท (TAI-TAI) และไซรัปกล้วยตรานาส์ ได้นำ "เทคโนโลยีไฮบริด" มาใช้อบกล้วยตากเป็นรายแรกของไทย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยนเรศวรจ.พิษณุโลก ภายใต้การสนับสนุนของโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เครือข่ายภาคเหนือ ศิริ วนสุวานิชกรรมการผู้จัดการบริษัท ศิริวานิช เปิดเผยว่า เดิมทีการผลิตกล้วยตากขึ้นอยู่กับแสงแดดเป็นหลักไม่มีความแน่นอน รวมถึงมีปัญหาของฝนและสิ่งปนเปื้อน แม้จะมีการพัฒนาโรงเรือนอบกล้วยตากด้วยพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้แก้ปัญหาแล้ว แต่บริษัทเห็นว่ายังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการตามคำสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก และเสียดายความร้อนในช่วงกลางวัน จึงต้องการเก็บความร้อนที่ได้นำไปใช้อบกล้วยตากในช่วงเวลากลางคืน บริษัทจึงได้ต่อยอดจากรูปแบบเดิมที่นำพลังงานความร้อนแสงอาทิตย์มาใช้อบกล้วยเพียงแหล่งเดียว ปรับมาเป็นการใช้พลังงานความร้อนจาก 2 แหล่งคือ ความร้อนจากแสงอาทิตย์สำหรับอบกล้วยตากในเวลากลางวัน และความร้อนจากพื้นนำมาเก็บสะสมไว้ในแท็งก์สเตนเลส (ขนาด 1,500 ลิตร จำนวน 2 ถัง) ในรูปแบบของน้ำร้อน ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ การอบกล้วยตากในเวลากลางคืนก็เพื่อรองรับกำลังการผลิตในปริมาณมากๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เพียงพอต่อคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์กล้วยตากไท-ไท ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้รักษ์สุขภาพดังนั้นการใช้พลังงานความร้อนจาก 2 แหล่งภายในโรงเรือนเดียวกัน จะทำให้สามารถอบกล้วยตากได้อย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ช่วยลดระยะเวลาในการผลิตให้สั้นลง และประหยัดต้นทุน การพัฒนาครั้งนี้ ภายใต้ชื่อโครงการ"การออกแบบและสร้างโรงเรือนกรีนเฮาส์ไฮบริด เพื่อการผลิตกล้วยตากโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์" ศิริ ขยายความเพิ่มเติมว่า หัวใจสำคัญที่สุดของการพัฒนากรีนเฮาส์ไฮบริดนี้ คือ "ชุดควบคุม หรือระบบควบคุมแบบป้อนกลับ (อัตโนมัติ) " ที่ผู้เชี่ยวชาญได้พัฒนาโปรแกรมควบคุมขึ้นใหม่ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานในโรงเรือนให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอบแห้งที่ต้องการมากที่สุดทำให้อบกล้วยตากได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งวันที่มีแสงแดดและวันที่ไม่มีแสงแดด ระบบจะทำหน้าที่สั่งการทำงานเองทั้งหมด ไม่ต้องมีพนักงานควบคุม ถือเป็นแห่งเดียวของไทย "การที่บริษัทมีโอกาสส่งผลิตภัณฑ์ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ หากไม่ได้ iTAP เข้ามาช่วย ในฐานะธุรกิจเอสเอ็มอีคงไม่สามารถรับคำสั่งซื้อได้มากขึ้น เอสเอ็มอีรายอื่นที่อยากจะพัฒนาตัวเอง ถ้ายอมปรับตัว เปิดใจให้กว้างรับองค์ความรู้ใหม่ๆ ก็จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ไม่ยาก เหมือนอย่างที่บริษัทได้รับ"ศิริ กล่าวทิ้งท้าย ผลิตภัณฑ์กล้วยตากตราไท-ไท ได้รับการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย GMP (จากสำนักงานสาธารณสุขพิษณุโลก) ในปี 2549 เป็นผู้ประกอบการกล้วยตากรายแรกของจังหวัดพิษณุโลก ล่าสุด ในปี 2553 บริษัทฯ ผ่านการตรวจประเมินและรับรองการผลิตอาหารปลอดภัยตามมาตรฐานสากล GMP/ HACCP Codex โดยสถาบัน SGS ผลิตภัณฑ์ตราไท-ไท มีวางจำหน่ายทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สยามพารากอน เดอะมอลล์ เทสโก้โลตัส ฟู้ดแลนด์ ท๊อปซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายของฝากทั่วประเทศ รวมถึงการจัดหน่ายผ่านตัวแทนส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการพัฒนากระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์จากกล้วยตราไท-ไท อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มียอดขายเพิ่มขึ้นปีละกว่า 1 ล้านบาท ( ปี49 มีผลประกอบการอยู่ที่ 7 ล้านบาท ) คาดว่า ภายในสิ้นปี 2553 นี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 12 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า โครงการ iTAP เป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กได้จริง ช่วยเชื่อมระหว่างองค์ความรู้และผู้ประกอบการ หากไม่มี iTAP คงไม่รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญเก่งๆ ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาในเชิงวิชาการให้กับบริษัท เช่นการที่ได้มีโอกาสส่งผลิตภัณฑ์ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ หากไม่ได้หน่วยงานภาครัฐอย่างiTAPเข้ามาช่วยสนับสนุนหรือเห็นความสำคัญด้านการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้วบริษัทก็ไม่สามารถรับออร์เดอร์ได้ การช่วยเหลือดังกล่าวทำให้เอสเอ็มอีไม่หลงทางและมุ่งสู่ความฝันได้เร็วขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงควรต้องปรับตัวและเปิดใจกว้างทั้งการรับองค์ความรู้ต่างๆ และเปิดกว้างที่จะถ่ายทอดความรู้นั้นออกไป เพื่อให้ประเทศไทยไม่ด้อยไปกว่าประเทศใด โดยในอนาคตทางบริษัทฯ จะเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาดูงานการทำกล้วยตากพิษณุโลกให้แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิต ระบบการบริหารจัดการ รวมทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์มาตรฐานอาหารปลอดภัยมากขึ้นด้วย ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554
ขอเชิญร่วมฟังการ บรรยายทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับ ขบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร
บริษัท GEA Process Engineering จำกัด ขอเชิญร่วมฟังการ บรรยายทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับ ขบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ในงาน Thailand Food Conference 2011, The 1st ASEAN's Advanced International Food Conference ในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554 Hall 7-8, อาคาร Impact เมืองทองธานี หัวข้อที่ผู้เชี่ยวชาญของบริษัท จะบรรยาย มีดังนี้ 1. Non-dairy coffee cream and drying technology behind โดย Mr. Claus Siegaard 2. Freeze drying technology in Food and Beverage industries โดย Mr. Kim Knudsen 3. Trends in application of high pressure homogenizing technology in food processing โดย Mr. I.Y. Sarma 4. Plate Heat Exchanger - technology and application in food industry โดย Mr. Lars Klinkebail สำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายทางวิชาการดังกล่าวสามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ บริษัท Food Industry Network จำกัด รายละเอียด เพิ่มเติมใน Food Seminars "Thailand Food Conference 2011" สำหรับท่านที่สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายทางวิชาการดังกล่าวสามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ บริษัท Food Industry Network จำกัด ตามรายละเอียดที่แนบมาhttp://www.foodnetworksolution.com/uploads/content/19be703d6e51aa371e85e7ae89e0b5d8.pdfและดูรายละเอียดการสัมนาได้ที่ http://www.foodnetworksolution.com/seminar/link/10
สมัครสมาชิก

สนับสนุนโดย / Supported By

  • บริษ้ท มาเรล ฟู้ดส์ ซิสเท็ม จำกัด จัดจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์การแปรรูปอาหาร เช่น ระบบการชั่งน้ำหนัก, การคัดขนาด, การแบ่ง, การตรวจสอบกระดูก และการประยุกต์ใช้ร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ พร้อมกับบริการ ออกแบบ ติดตั้ง กรรมวิธีการแปรรูปทั้งกระบวนการ สำหรับ ผลิตภัณฑ์ ปลา เนื้อ และ สัตว์ปีก โดยมีวิศวกรบริการและ สำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพ มาเรล เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกของอุปกรณ์การแปรรูปอาหารที่ทันสมัย​​ครบวงจรทั้งระบบ สำหรับอุตสาหกรรม ปลา กุ้ง เนื้อ และสัตว์ปีก ต่างๆ เครื่องแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก Stork และ Townsend จาก Marel อยู่ในกลุ่มเครื่องที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ สามารถบริการครบวงจรตั้งแต่ต้นสายการผลิตจนเสร็จเป็นสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยสำนักงานและบริษัทสาขามากกว่า 30 ประเทศ และ 100 เครือข่ายตัวแทนและผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก ที่พร้อมทำงานเคียงข้างลูกค้าเพื่อขยายขอบเขตผลการแปรรูปอาหาร Marel Food Systems Limited. We are supply weighing, grading, portioning, bone detection and software applications as well as complete turn-key processing solutions for fish, meat and poultry. We have service engineer and office in Bangkok. Marel is the leading global provider of advanced food processing equipment, systems and services to the fish, meat, and poultry industries. Our brands - Marel, Stork Poultry Processing and Townsend Further Processing - are among the most respected in the industry. Together, we offer the convenience of a single source to meet our customers' every need. With offices and subsidiaries in over 30 countries and a global network of 100 agents and distributors, we work side-by-side with our customers to extend the boundaries of food processing performance.
  • วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ การอยู่ในระดับแนวหน้า "ฟอร์ฟร้อนท์" ของเทคโนโลยีประเภทต่างๆ และนำเทคโนโลยีนั้นๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิตในประเทศไทย เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า บริษัท ฟอร์ฟร้อนท์ ฟู้ดเทค จำกัด เชื่อมั่นและยึดมั่นในอุดมการณ์การดำเนินธุรกิจ กล่าวคือ จำหน่าย สินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ด้วยความซื่อสัตย์และความตรงต่อเวลา เพื่อการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จร่วมกันระยะยาว Our vision is to be in the "forefront" of technology in its field and suitably apply the technology to industries and production in Thailand for customers' utmost benefits. Forefront Foodtech Co., Ltd. strongly believes in and is committed to our own business philosophy which is to supply high quality products and service appropriately to each customer's requirements with honesty and punctuality in order to maintain long term win-win business relationship. Forefront Foodtech Co., Ltd. is the agent company that supplies machinery and system, install and provide after sales service as well as spare parts. Our products are: Nock, made in Germany: manufacturer of skinning machines, membrane skinning machine, slicers and scale ice makers. Frey, made in Germany: manufacturer of vacuum stuffers and chain linking system. Kronen, made in Germany: manufacturer of washing, centrifuges and cutting machinery for vegetable and fruits. Bandall, made in Netherlands: manufacturer of banding machine. Emerson, made in Romania: smoke chamber. G.Mondini, made in Italy: manufacturer of top seal, skin pack, paper seal, slimfresh and slicefresh for ready meal, meat, petfood and etc. Dorit, made in Germany: manufacturer of tumblers and injectors. Cliptechnik, made in Germany: manufacturer of single and double clippers for table top use and standalone clipping machines. Firex, made in Italy: manufacturer of food-processing equipment for kitchen and commercial equipment. Orved, made in Italy: manufacturer of vacuum packing machine. Carsoe, made in Denmark: designs and produces products for the seafood and food processing industry Gernal, made in Belgium: manufacturer of food-processing equipment for industrial Mado, made in Germany: manufacturer of meat-processing industry
  • We are well known for reliable, easy-to-use coding and marking solutions which have a low total cost of ownership, as well as for our strong customer service ethos. Developing new products and a continuous programme of improving existing coding and marking solutions also remain central to Linx's strategy. Coding and marking machines from Linx Printing Technologies Ltd provide a comprehensive solution for date and batch coding of products and packaging across manufacturing industries via a global network of distributors. In the industrial inkjet printer arena, our reputation is second to none. Our continuous ink jet printers, laser coders, outer case coders and thermal transfer overprinters are used on production lines in many manufacturing sectors, including the food, beverage, pharmaceutical, cosmetics, automotive and electronic industries, where product identification codes, batch numbers, use by dates and barcodes are needed. PTasia, THAILAND With more than 3,700 coding, marking, barcode, label applicator, filling, packing and sealing systems installed in THAILAND market. Our range is includes systems across a wide range of technologies. To select the most appropriate technology to suit our customers. An excellent customer service reputation, together with a reputation for reliability that sets standards in the industry, rounds off the PTAsia offering and provides customers with efficient and economical solutions of the high quality. Satisfyingcustomers inTHAILAND for 10 years Our 1,313 customers benefit from our many years of experience in the field, with our successful business model of continuous improvement. Our technical and service associates specialise in providing individual advice and finding the most efficient and practical solution to every requirment. PTAsia extends its expertise to customers in the food, beverage, chemical, personal care, pharmaceutical, medical device, electronics, aerospace, military, automotive, and other industrial markets.