News and Articles

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1


หมวดหมู่: ข่าวการตลาด [ข่าวในวงการอาหาร]
วันที่: 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น 40% PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1 ครองตลาดส่งออกกุ้งโลก

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรการบริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ทางTUF ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) (PPC) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลระดับต้นๆ ของไทย ไม่ต่ำกว่า 40% ในจำนวน 30 ล้านหุ้น ทั้งนี้ ราคาเสนอซื้อหุ้น PPC ต่อหุ้นจะกำหนดจากมูลค่าตาม บัญชีสุทธิ ต่อหุ้นของงบการเงินรวมของ PPC ประจำปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ที่่ตรวจสอบแล้วโดยผู้สอบบัญชีของ PPC

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1

การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องและเกื้อหนุนกัน ทาง TUF ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือผสานความชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจของบุคลากรทั้ง 2 บริษัท จะนำมาซึ่งการร่วมมือกันในหลายด้าน เช่น การจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารกำลังการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน การทำตลาดทั้งในและต่างประเทศด้วยแผนที่ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าทุกตลาดทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ศักยภาพของความร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ จะส่งผลให้เกิดการขยายฐานรายได้และทำกำไรจากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลังจากทั้งสองบริษัทรวมกันจะทำให้ยอดกำลังการผลิตกุ้งเพิ่มขึ้นเป็น 400 ตันต่อวัน แบ่งเป็นยอดการผลิตของ TUF 220 ตันต่อวัน PPC 200 ตันต่อวัน

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1

ปัจจุบัน PPC ถือเป็นผู้ส่งออกกุ้งเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาติดอันดับ 1 ใน 2 มียอดรายได้รวมจากการส่งออกต่อปีประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม การรวมตัวกันครั้งนี้จะทำให้ TUF มีกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ตัวเลขปี 2555 TUF จะยอดรายได้เติบโตประมาณ 20% และภายใน 2 ปี หรือประมาณปี 2556 จะสามารถทำกำไรเติบโตได้ถึง 4.000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม โดยสิ้นปี 2554 คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 3.500 ล้านดอลลาร์สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ แม้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปจะมีปัญหา แต่ตนมองว่า กุ้งเป็นสินค้าพื้นฐานที่มีราคาไม่สูง และมีความต้องการต่อเนื่อง และทางบริษัทมีฐานการตลาดในสหรัฐและยุโรปอยู่แล้ว ปีนี้จึงถือเป็นปีทองของผู้ส่งออกกุ้ง

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1

นายธีรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่าง TUF และ PPC ในครั้งนี้จึงเป็นก้าวที่สำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและอาหารสำเร็จรูปของทั้งสองบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากแนวโน้มความต้องการการบริโภคอาหารสำเร็จรูปกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้กว้างขึ้นอีกทั้งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ทั้ง TUF และ PPC จะเอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองบริษัทในการวางกล ยุทธการตลาดให้สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานของโลกได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ปัจจุบัน PPC ถือเป็นผู้ส่งออกกุ้งเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาติดอันดับ 1 ใน 2 มียอดรายได้รวมจากการส่งออกต่อปีประมาณ 8,000 ล้านบาท

TUF ช็อควงการอีกครั้งรวบหุ้น PPC ผงาดขึ้นเบอร์ 1

นอกจากนี้ การจัดหาและการจัดการวัตถุดิบจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากจากนี้ไป TUF และ PPC จะมีการวางแผนการจัดหาและจัดการวัตถุดิบร่วมกัน ซึ่งผู้บริหารคาดว่าความต้องการวัตถุดิบรวมของ TUF และ PPC นั้นจะส่งผลให้เกิดศักยภาพในการได้มาซึ่งปริมาณวัตถุดิบที่มากขึ้น ในราคาและเงื่อนไขที่ดีขึ้น อีกทั้งการใช้ทรัพยากรร่วมกันยังจะส่งผลดีต่อการมีต้นทุนที่ลดลงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในระยะยาว TUF ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PPC ในช่วงเช้าวันที่ 21 ธันวาคม 2554 โดย TUF จะเข้าซื้อหุ้นของ PPC ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้นลง TUF จะซื้อหุ้นของ PPC โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ PPC โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) และชำระเงินซื้อหุ้นเป็นเงินสดทั้งจำนวน โดยภายหลังการทำรายการนั้น TUF จะถือหุ้นใน PPC ไม่ต่ำกว่า 40% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ราคาเสนอซื้อหุ้น PPC ต่อหุ้นจะกำหนดจากมูลค่าตามบัญชีสุทธิ ต่อหุ้นของงบการเงินรวมของ PPC ประจำปี 2554 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ที่่ตรวจสอบแล้วโดยผู้สอบบัญชีของ PPC ภายหลังการเข้าทำรายการ กลุ่มผู้ขายจะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PPC ที่มากกว่าสัดส่วนการถือหุ้นของ TUF และจะยังคงเป็นผู้บริหารหลักใน PPC ต่อไปขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะเป็นการกำหนดราคาเสนอซื้อ ประมาณเดือนมีนาคม 2555 หลังจากนั้น TUF จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ PPC ซึ่งคาดว่าการดำเนินการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2 ของปี 2555

ที่มา

ประชาชาติธุรกิจ



ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง
11 ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2554 ด้านอาหาร
ปีนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ เผยโฉม 11 สถานประกอบการดีจริยธรรมเด่น ด้านอาหาร  คว้ารางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2554 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ สธ. จัดพิธีมอบรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2554 อย่างยิ่งใหญ่ ให้แก่สถานประกอบการที่โดดเด่นด้าน กระบวนการผลิตและจริยธรรมจากทั่วประเทศ รวม 36 ราย ทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตราย ที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการที่ตั้งใจทำดี คำนึงถึงความ ปลอดภัยและประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ วันนี้ ( 9 กันยายน 2554 ) ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้จัดพิธีมอบรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2554 อย่างยิ่งใหญ่ให้แก่สถานประกอบการด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน ที่ผ่านหลักเกณฑ์ คือ มีการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ได้คุณภาพ หากเป็นผู้ประกอบการผลิตเพื่อส่งออกต้องมี การจำหน่ายในประเทศด้วย โดยมีระยะเวลาประกอบการติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปี มีการรักษาคุณภาพมาตรฐาน ด้วยดีมาโดยตลอด มีการนำเอาระบบคุณภาพมาพัฒนาหรือควบคุมการผลิตให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ท้องตลาดมี คุณภาพ ที่สำคัญไม่เคยถูกดำเนินคดี หรือถูกปรับ หรือถูกตักเตือน ตามกฎหมายของ อย. ย้อนหลังเป็นเวลา 2 ปี (นับถึงวันเปิดรับสมัคร) มีระบบในการตอบสนองต่อผู้บริโภค (Customer Relations) และประกอบการด้วย ความรับผิดชอบต่อสังคม สถานประกอบการที่ได้รับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2554 ในประเภทต่างๆ จำนวน 36 ราย  ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลด้านอาหาร จำนวน 11 ราย ดังนี้ 1. บริษัท จอมธนา จำกัด จ.ปทุมธานี 2. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ใบชาโชคจำเริญ จำกัด จ.เชียงราย 4. บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัท แฟชั่นฟู้ด จำกัด จ.นครปฐม 6. บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด 7. บริษัท ศิริวานิช (เอส แอนด์ ดับเบิ้ลยู) จำกัด จ.พิษณุโลก 8. บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) 9. บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) 10. บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ 11. ห้างหุ้นส่วนจำกัด อิสริยะผล จ.เชียงใหม่   Foodnetworksolution พาไปเยี่ยมชมกันแล้ว 2 โรงงานคือ เยียมชม บริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)   และ เยียมชม บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด    ต้องบอกว่า สมควรได้รับรางวัลนี้จริงๆ และขอปรบมือเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการทั้ง 11 แห่งรักษาความดีนี้ไว้ตลอดไปนะคะ ผู้บริโภคทุกคนเอาใจช่วยค่ะ
CPF เชื่อปีหน้ายอดขายก้าวกระโดดโต 50%
CPF เชื่อปี 2555 ยอดขายก้าวกระโดดโต 50% ยืน 3 แสนล้านบาท จากปกติยอดขายโตปีละ 10-15% หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติซื้อหุ้น CPP 18 ม.ค.นี้ ขยับงบลงทุนเป็น 12,000 ล้านบาท จากงบลงทุนปกติที่ปีละประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า ปี 2555เป็นปีที่บริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท ซี.พี.โภคภัณฑ์ จำกัด (C.P. Pokphand Co., Ltd.) หรือ CPP ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่ดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศจีน และธุรกิจในประเทศเวียดนาม (C.P.Vietnam Corporation หรือ CPV) ทำให้บริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 3 แสนล้านบาท เติบโต 50% จากปีนี้ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การเข้าซื้อธุรกิจในฮ่องกงครั้งนี้ จะทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในประเทศไทย ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมไปสู่ 14ประเทศทั่วโลก รองรับการบริโภคของประชากรกว่า 3,000 ล้านคน โดยเป็นประชากรจากจีน และเวียดนาม ประมาณ 1,400 ล้านคน เป็นจากเดิมที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุม 12 ประเทศทั่วโลก รองรับการบริโภคของประชากรเพียง 1,500 ล้านคน อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อ CPP จะต้องรอขออนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2555 ก่อน ซึ่งเมื่อได้รับการอนุมัติงบลงทุนของบริษัทจะเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาทต่อปี จากปกติที่มีการลงทุนปีละ 8,000-10,000 ล้านบาท แต่หากไม่ได้รับการอนุมัติ บริษัทก็ยังคงมีการเติบโตในระดับปกติ ที่โดยเฉลี่ยจะมียอดขายโตประมาณ 10-15% ต่อปี ส่วนกรณีที่สหภาพยุโรป (EU) จะพิจารณาทบทวนนำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่สด (ไก่ดิบ และไก่สดแช่แข็ง) จากไทยอีกครั้งภายในปี 2555 หลังจากที่ EU ได้ระงับการนำเข้าไก่สดจากไทยตั้งแต่ปี 2546 เป็นผลจากการระบาดของไข้หวัดนกในประเทศไทย จนทำให้หลายประเทศประกาศห้ามนำเข้าไก่สดจากไทย รวมถึงสภาพยุโรป ถือว่าเป็นข่าวดีกับอุตสาหกรรมไก่ในประเทศไทย ซึ่งเมื่อมีการกลับมาส่งออกอีกครั้งทั้งในสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น น่าจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับกรณีที่ประเทศรัสเซียเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) โดยรวมแล้วเป็นบวกต่อรัสเซีย ทำให้ประเทศยิ่งมีความมั่นคง รวมถึงทำให้การค้าดีขึ้น ซึ่งบริษัทมีการลงทุนในรัสเซียมาแล้ว 2-3 ปี ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงงานอาหารสัตว์ และธุรกิจแปรรูปสุกร นายอดิเรก กล่าวว่า จากกลยุทธ์ที่ทาง CPFตั้งเป้าหมายที่จะเป็นครัวอาหารของโลก เป็นบริษัทระดับโลก ดังนั้น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีจึงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ก้าวสู่เป้าหมาย ซึ่งทางบริษัทก่อตั้งบริษัท ซีพีเอฟ ไอทีเซ็นเตอร์ จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ขึ้นมาเพื่อดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของบริษัทในเครือ CPF ทั้งหมดที่มีกว่า 100 บริษัท โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ใช้งบลงทุนด้านระบบไอทีไปแล้วกว่า 2 พันล้านบาท โดยในแต่ละปีมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องที่ปีละประมาณ 200-300 ล้านบาท เพื่ออัพเดทระบบไอทีให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป หน่วยงานนี้มีทีมงานอยู่ประมาณ 400 คน ซึ่งต้องคอยดูแลตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นใช้ภายในองค์กรนำระบบไอทีเข้ามาช่วยในการทำงานแทบจะทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงลดต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากยอดขายและกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง "ระบบไอทีได้เข้าเกี่ยวข้องกับบุคลากรในเครือกว่า 8 หมื่นคน เข้ามาช่วยในการทำงานแทบจะทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต งานในส่วนบริการ การตลาด จนถึงตัวลูกค้า ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น รวมถึงลดต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากยอดขายและกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หากดูจากยอดขายที่กว่า 2 แสนล้านบาทเทียบกับงบไอทีประมาณ 200-300 ล้านบาทถือว่าคุ้มค่ามาก" นายประเดิม โชติศุภราช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบงาน CPF ดูแล บริษัท ซีพีเอฟ ไอทีเซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ไอที เซ็นเตอร์ สามารถผลักดันการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์และการให้บริการด้านสารสนเทศ จนสามารถคว้ามาตรฐาน CMMI ML5 (Capability Maturity Model Integration Maturity Level 5) ที่ทางสถาบัน Software Engineering Institute (SEI) แห่งมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาขึ้น ให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เป็นมาตรฐานระดับสูงสุดในการปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ไอที เซ็นเตอร์ ถือเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย และถือเป็นรายที่ 18 ของโลก ที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานใหม่ล่าสุด CMMI-DEV version 1.3 ซึ่งประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถผ่านการตรวจประเมินเพื่อรับรองมาตรฐาน ISO27001:2005 หรือระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ (Information Security Management System-ISMS) จาก BSI Group (Thailand) จำกัด ซึ่งสะท้อนมาตรฐานและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ดีที่บริษัทดำเนินการมาตลอด ที่มา http://www.kaohoon.com/daily/index.php?option=com_content&view=article&id=17026&Itemid=121
อ ย. ยันไม่มีการนำเข้านมผง ปนเปื้อนเชื้อทำทารกเสียชีวิต
อย. ยืนยัน ไม่มีการนำเข้านมผงเอนฟามิลชนิดที่เป็นข่าวว่าอาจปนเปื้อนเชื้อทำทารกสหรัฐเสียชีวิต คลายกังวล พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารกสูตร Enfamil Premium Newborn Infant Formula รุ่น ZP1K7G ที่มีรายงานข่าวว่าเป็นนมที่ใช้เลี้ยงทารกในสหรัฐอเมริกาและอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิ (Enterobacter sakazakii) จนเป็นเหตุให้ทารก 1 ราย เสียชีวิต อย. ตรวจสอบแล้วไม่ได้มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเพียง 3 ชนิด ได้แก่ อาหารสำหรับเสริม นมแม่ของทารกคลอดก่อนกำหนด (อาหารทางการแพทย์) นมดัดแปลงสำหรับทารกเสริมธาตุเหล็กชนิดน้ำ และนมดัดแปลงสำหรับทารกชนิดน้ำ ในปี 2554 อย. ได้เก็บตัวอย่าง 50 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์ไม่พบการปนเปื้อนจุลินทรีย์เอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิซึ่งเป็นแบคทีเรียในสกุลEnterobacterอยู่ในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) เป็นจุลินทรีย์ก่อโรค (pathogen) ซึ่งเป็นอันตรายในอาหาร ประเภทอันตรายทางชีวภาพ (biological hazard) ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กรณีทางการรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา พบเด็กแรกเกิดจำนวน 2 ราย เข้ารับการรักษาด้วยอาการติดเชื้อเอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิ (Enterobacter Sakazakii หรือ Cronobacter Sakazakii) ซึ่งเชื้อดังกล่าวทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองหรือไขสันหลังอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิต ลำไส้ติดเชื้อชนิดเนื้อตาย จุลินทรีย์นี้ยังทำให้เกิดความเจ็บป่วยในคนทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะทารกอายุน้อยกว่า 28 วัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากกระเพาะอาหารของทารกมีปริมาณกรดต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เชื้ออยู่รอดและเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งต่อมาทารก 1 รายได้เสียชีวิต โดยทารกทั้ง 2 ราย ได้รับการเลี้ยงดูด้วยอาหารดัดแปลงสำหรับทารก Enfamil Premium Newborn Infant Formula รุ่น ZP1K7G ซึ่งผลิตโดยบริษัท Mead Johnson Nutrition รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อได้ทราบข่าว จึงได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี๊ด จอห์นสัน นิวทรีชัน (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ผลิตภัณฑ์นมผง Enfamil Premium Newborn Infant Formula รุ่น ZP1K7G ไม่ได้มีการนำเข้ามาจำหน่ายโดยผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารกของบริษัทฯ ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำหรับทารกสูตรในประเทศไทยผลิตขึ้นในประเทศ โดยการนำเข้าวัตถุดิบมาจากประเทศออสเตรเลีย และมาเลเซีย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่นำเข้ามา จากประเทศสหรัฐอเมริกามีเพียง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ อาหารสำหรับเสริมนมแม่ของทารกคลอดก่อนกำหนด (อาหารทางการแพทย์) เลขสารบบอาหาร 10-3-13344-1-0036 นมดัดแปลงสำหรับทารกเสริมธาตุเหล็กชนิดน้ำ เลขสารบบอาหาร 11-3-02723-1-0083 และนมดัดแปลงสำหรับทารกชนิดน้ำ เลขสารบบอาหาร 11-3-02723- 1-0090 นอกจากนี้ อย. ได้กำหนดให้เชื้อเอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิ เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคที่จะต้องตรวจสอบเฝ้าระวังหากตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อนี้เข้าลักษณะเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ซึ่งผู้ผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมทั้งยังกำหนดให้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังให้มีความครอบคลุมโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นมผงดัดแปลงสำหรับทารก (สำหรับช่วงอายุ 0-12 เดือน) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มเสี่ยง รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารประเภทนมดัดแปลงสำหรับทารกฯ ตามแผนเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร ปี พ.ศ. 2554 จำนวน 50 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์ ไม่พบการปนเปื้อนจุลินทรีย์ เอ็นเทอร์โรแบคเตอร์ ซากาซากิ ทั้งนี้ อย. แนะพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ควรเลือก ซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ได้รับเครื่องหมาย อย. มีวัน เดือน ปีที่หมดอายุ สะอาด มีการจัดเก็บอย่างเหมาะสม และระมัดระวังความสะอาดในการชงนม โดยให้ชงเฉพาะปริมาณที่พอดีสำหรับทารกดื่มในแต่ละครั้ง เพราะนมที่ผสมแล้วจะเสียได้ง่ายหรือหากใช้อุปกรณ์และน้ำที่ไม่สะอาดในการชงนมก็อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อ เมื่อตั้งทิ้งไว้เชื้อที่มีการปนเปื้อนจะเจริญและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค วันที่ 23 ธันวาคม 2554 ข่าวแจก 25 / ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
EU แก้ไขกฎระเบียบสินค้าประมงแช่แข็งเพื่อลดพยาธิมีชีวิต
EU แก้ไขกฎระเบียบเพิ่มเติมสำหรับสินค้าประมงแช่แข็งเพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนพยาธิมีชีวิต เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศตีพิมพ์ใน EU Official Journal L 327 Volume 39 เรื่องการแก้ไขเงื่อนไขการแช่แข็งสินค้าประมงเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ภายใต้กฎระเบียบ Regulation (EC) No 853/2004 ซึ่งเป็นการกำหนดข้อบังคับด้านสุขอนามัยสำหรับอาหารที่มีแหล่งกำเนิดจากสัตว์ที่ผู้ผลิตสินค้าอาหารต้องปฏิบัติตาม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 1 เพื่อให้เป็นไปตามผลประเมินความเสี่ยงของหน่วยงานความปลอดภัยสหภาพยุโรป ซึ่งเห็นควรกำหนดเงื่อนไขควบคุมความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของพยาธิ (parasite) ที่สามารถมีอยู่ได้ในสินค้าประมงและสัตว์น้ำ ทั้งที่จับได้ตามธรรมชาติและที่ได้จากการเพาะเลี้ยง ในกรณีที่มีการบริโภคสินค้าดังกล่าวในลักษณะดิบ (raw) หรือเกือบดิบ (almost raw) โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ดังนี้ข้อกำหนดเกี่ยวกับหนอนพยาธิ1. ผู้ประกอบการที่วางจำหน่ายสินค้าประมงประเภทปลามีครีบ (finfish) หรือปลาหมึก (cephalopod mollusks) (a) สินค้าประมงเพื่อการบริโภคดิบ หรือ (b) เพื่อการหมัก การแช่เกลือ (salt curing) และหรือกระบวนการใด ถ้ากระบวนการนั้นๆ ไม่เพียงพอที่จะฆ่าพยาธิมีชีวิตได้ จะต้องควบคุมให้สินค้าดิบหรือผลิตภัณฑ์สุดท้ายผ่านกระบวนการแช่แข็ง (freezing) เพื่อฆ่าหนอนพยาธิมีชีวิตที่อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพผู้บริโภคได้ ภาพหนอนพยาธิ Anisakis simplex 2. สำหรับหนอนพยาธิที่ไม่ใช่ trematodes กระบวนการแช่แข็ง (freezing) จะต้องทำให้อุณหภูมิต่ำลงในทุกอนูของสินค้าในระดับอุณหภูมิอย่างต่ำที่ (a) - 20 องศาเซลเซียสเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (b) - 35 องศาเซลเซียสเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมง3. ผู้ประกอบการสินค้าอาหารไม่จำเป็นต้องใช้กระบวนการแช่แข็งที่กำหนดไว้ในข้อ 1. สำหรับสินค้าประมง ในกรณีดังต่อไปนี้ (a) สินค้าที่ผ่านหรือที่จะผ่านกระบวนการความร้อน (thermal processing) ที่สามารถฆ่าหนอนพยาธิที่มีชีวิตได้ก่อนการรับประทานของผู้บริโภค ในกรณีสำหรับหนอนพยาธิที่ไม่ใช่ trematodes สินค้าจะต้องได้รับความร้อนถึงเนื้อชั้นในที่ระดับ 60 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า เป็นเวลาอย่างน้อย 1 นาที (b) สินค้าที่ได้รับการจัดเก็บในรูปสินค้าประมงแช่แข็งเป็นระยะเวลานานเพียงพอที่จะสามารถฆ่าหนอนพยาธิมีชีวิตได้ (c) สินค้าที่จับจากแหล่งธรรมชาติ ให้เป็นดังนี้- มีสถิติข้อมูลการระบาดที่บ่งบอกว่าสถานที่แหล่งจับปลาปลอดจากการระบาดของโรคหนอนพยาธิที่เป็นอันตราย- เมื่อหน่วยงานรับผิดชอบอนุญาต (d) สินค้ามาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้รับอาหารไม่มีหนอนพยาธิมีชีวิตปนเปื้อน ที่อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ รวมถึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้-ได้รับการเพาะเลี้ยงเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากหนอนพยาธิมีชีวิต หรือ-ผู้ประกอบการได้ตรวจสอบทั้งกระบวนการและได้รับการรับรองจากหน่วยงานรับผิดชอบว่า สินค้าประมงดังกล่าวจะไม่ส่งผลอันตรายจากการปนเปื้อนของหนอนพยาธิมีชีวิต4. (a) เมื่อวางจำหน่ายสินค้าในตลาด ยกเว้นเมื่อจำหน่ายโดยตรงให้แก่ผู้บริโภค สินค้าประมงที่กล่าวถึงในข้อ 1. จะต้องมีใบรับรองที่ออกโดยผู้ประกอบการอาหารระบุว่าสินค้าดังกล่าวผ่านกระบวนการแช่แข็ง (freezing) โดยต้องระบุชนิดของกระบวนการแช่แข็งด้วย (b) ก่อนการวางจำหน่ายในตลาด สินค้าประมงที่ระบุในข้อ 3 (c) และ (d) ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการแช่แข็งหรือที่จะไม่ผ่านกระบวนที่สามารถฆ่าหนอนพยาธิได้ก่อนการบริโภค ผู้ประกอบการอาหารจำเป็นต้องตรวจสอบสินค้าว่าสินค้าประมงนั้นจับได้มาจากแหล่งจับหรือแหล่งเพาะเลี้ยงที่ถูกต้องตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งข้างต้น รวมทั้งต้องระบุข้อมูลดังกล่าวในเอกสารทางการค้า (commercial document) หรือเอกสารใดที่แนบไปกับสินค้าประมงนั้นๆ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากhttp://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L:2011:327:0039:0041:EN:PDF ทั้งนี้จะมีผลปรับใช้ 20 วันหลังจากประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2554) จึงมีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2554 ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
สมัครสมาชิก

สนับสนุนโดย / Supported By

  • บริษ้ท มาเรล ฟู้ดส์ ซิสเท็ม จำกัด จัดจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์การแปรรูปอาหาร เช่น ระบบการชั่งน้ำหนัก, การคัดขนาด, การแบ่ง, การตรวจสอบกระดูก และการประยุกต์ใช้ร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ พร้อมกับบริการ ออกแบบ ติดตั้ง กรรมวิธีการแปรรูปทั้งกระบวนการ สำหรับ ผลิตภัณฑ์ ปลา เนื้อ และ สัตว์ปีก โดยมีวิศวกรบริการและ สำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเทพ มาเรล เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกของอุปกรณ์การแปรรูปอาหารที่ทันสมัย​​ครบวงจรทั้งระบบ สำหรับอุตสาหกรรม ปลา กุ้ง เนื้อ และสัตว์ปีก ต่างๆ เครื่องแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก Stork และ Townsend จาก Marel อยู่ในกลุ่มเครื่องที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ สามารถบริการครบวงจรตั้งแต่ต้นสายการผลิตจนเสร็จเป็นสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยสำนักงานและบริษัทสาขามากกว่า 30 ประเทศ และ 100 เครือข่ายตัวแทนและผู้จัดจำหน่ายทั่วโลก ที่พร้อมทำงานเคียงข้างลูกค้าเพื่อขยายขอบเขตผลการแปรรูปอาหาร Marel Food Systems Limited. We are supply weighing, grading, portioning, bone detection and software applications as well as complete turn-key processing solutions for fish, meat and poultry. We have service engineer and office in Bangkok. Marel is the leading global provider of advanced food processing equipment, systems and services to the fish, meat, and poultry industries. Our brands - Marel, Stork Poultry Processing and Townsend Further Processing - are among the most respected in the industry. Together, we offer the convenience of a single source to meet our customers' every need. With offices and subsidiaries in over 30 countries and a global network of 100 agents and distributors, we work side-by-side with our customers to extend the boundaries of food processing performance.
  • วิสัยทัศน์ของบริษัท คือ การอยู่ในระดับแนวหน้า "ฟอร์ฟร้อนท์" ของเทคโนโลยีประเภทต่างๆ และนำเทคโนโลยีนั้นๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิตในประเทศไทย เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้า บริษัท ฟอร์ฟร้อนท์ ฟู้ดเทค จำกัด เชื่อมั่นและยึดมั่นในอุดมการณ์การดำเนินธุรกิจ กล่าวคือ จำหน่าย สินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ด้วยความซื่อสัตย์และความตรงต่อเวลา เพื่อการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จร่วมกันระยะยาว Our vision is to be in the "forefront" of technology in its field and suitably apply the technology to industries and production in Thailand for customers' utmost benefits. Forefront Foodtech Co., Ltd. strongly believes in and is committed to our own business philosophy which is to supply high quality products and service appropriately to each customer's requirements with honesty and punctuality in order to maintain long term win-win business relationship. Forefront Foodtech Co., Ltd. is the agent company that supplies machinery and system, install and provide after sales service as well as spare parts. Our products are: Nock, made in Germany: manufacturer of skinning machines, membrane skinning machine, slicers and scale ice makers. Frey, made in Germany: manufacturer of vacuum stuffers and chain linking system. Kronen, made in Germany: manufacturer of washing, centrifuges and cutting machinery for vegetable and fruits. Bandall, made in Netherlands: manufacturer of banding machine. Emerson, made in Romania: smoke chamber. G.Mondini, made in Italy: manufacturer of top seal, skin pack, paper seal, slimfresh and slicefresh for ready meal, meat, petfood and etc. Dorit, made in Germany: manufacturer of tumblers and injectors. Cliptechnik, made in Germany: manufacturer of single and double clippers for table top use and standalone clipping machines. Firex, made in Italy: manufacturer of food-processing equipment for kitchen and commercial equipment. Orved, made in Italy: manufacturer of vacuum packing machine. Carsoe, made in Denmark: designs and produces products for the seafood and food processing industry Gernal, made in Belgium: manufacturer of food-processing equipment for industrial Mado, made in Germany: manufacturer of meat-processing industry
  • We are well known for reliable, easy-to-use coding and marking solutions which have a low total cost of ownership, as well as for our strong customer service ethos. Developing new products and a continuous programme of improving existing coding and marking solutions also remain central to Linx's strategy. Coding and marking machines from Linx Printing Technologies Ltd provide a comprehensive solution for date and batch coding of products and packaging across manufacturing industries via a global network of distributors. In the industrial inkjet printer arena, our reputation is second to none. Our continuous ink jet printers, laser coders, outer case coders and thermal transfer overprinters are used on production lines in many manufacturing sectors, including the food, beverage, pharmaceutical, cosmetics, automotive and electronic industries, where product identification codes, batch numbers, use by dates and barcodes are needed. PTasia, THAILAND With more than 3,700 coding, marking, barcode, label applicator, filling, packing and sealing systems installed in THAILAND market. Our range is includes systems across a wide range of technologies. To select the most appropriate technology to suit our customers. An excellent customer service reputation, together with a reputation for reliability that sets standards in the industry, rounds off the PTAsia offering and provides customers with efficient and economical solutions of the high quality. Satisfyingcustomers inTHAILAND for 10 years Our 1,313 customers benefit from our many years of experience in the field, with our successful business model of continuous improvement. Our technical and service associates specialise in providing individual advice and finding the most efficient and practical solution to every requirment. PTAsia extends its expertise to customers in the food, beverage, chemical, personal care, pharmaceutical, medical device, electronics, aerospace, military, automotive, and other industrial markets.