สมบัติทางกายภาพและเปอร์เซ็นต์การพองตัวของเมล็ดสำรอง
Experiments for the physical properties of the grains and the percentage of inflated Scaphium macropodum Beaum.
สาขาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ณัฐพล จันทร์เศรษฐี , รักษ์ธรรม แสงจันดา , อุกฤษฏ์ ใจงาม , วสันต์ อินทร์ตา
บทคัดย่อ
การศึกษาสมบัติทางกายภาพของเมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) พบว่า [ ขนาด (size) (ความยาว (L) ความหนา (M) ความกว้าง (W) ] มีค่าอยู่ในช่วง 18.15-31.00 mm , 11.30-19.45 mm , 12.00-17.20 mm ตามลำดับ ค่าความเป็นทรงกลม (Sphericity) มีค่าอยู่ในช่วง 57.29-87.92 แต่ในทางกลับกันค่าความหนาแน่นรวม (Bulk density) ในส่วนของเมล็ดขนาดเล็กมีค่าอยู่ในช่วง 0.36-0.72 g/ml ในส่วนของเมล็ดขนาดกลางมีค่าอยู่ในช่วง 0.53-0.69 g/ml และในส่วนของเมล็ดขนาดใหญ่มีค่าอยู่ในช่วง 0.5-0.91 g/ml เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยเชิงเรขาคณิต (Geometric Mean Diameter , GMD) มีค่าอยู่ช่วง 14.42-20.87mm และเมื่อนำไปแช่น้ำตามระยะเวลาต่างๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง , 2 ชั่วโมง , 3 ชั่วโมง , 4 ชั่วโมง เมื่อพล็อตกราฟค่ากราฟที่ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแบบเชิงเส้น ค่าเฉลี่ยพื้นที่ภาพฉายของเมล็ดขนาดเล็ก (<23 mm) มีค่าอยู่ในช่วง 14.53-22.73 cm2 ค่าเฉลี่ยพื้นที่ภาพฉายของเมล็ดขนาดกลาง (23-25 mm) มีค่าอยู่ในช่วง 13,89-18.71 cm2 และค่าเฉลี่ยพื้นที่ภาพฉายของเมล็ดขนาดใหญ่ (>25 mm) มีค่าอยู่ในช่วง 13.56-19.95 cm2 พบว่า เมื่อพล็อตกราฟพื้นที่ภาพฉายกับเวลากราฟมีแนวโน้มเป็นเส้นตรง
1.บทนำ
ลูกสำรอง (Malva nut) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า [Scaphium scaphigerum (G. Don) Guib and Planch] รวมสายพันธุ์อื่นอีกเช่น Scaphium acropodumBeumee andSterculia lychnophoraHance. ส่วนพันธุ์ caphium scaphigerum มีการเจริญเติบโตได้ดีทางภาคตะวันออกของประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศจีน ประเทศมาเลเชีย และประเทศอินโดนีเซีย ลูกสำรองเป็นไม้ยืนต้น ชอบขึ้นในป่าดงดิบที่มีความชื้นสูง ลำต้นตรงและสูงฉะลูดประมาณ 30-40 เมตร ผลแห้งของลูกสำรองเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล ลักษณะเหี่ยวแห้งและมีผิวขรุขระ เปลือกหุ้มเมล็ดชั้นนอกมีสารเมือก (Mucilage) จำนวนมาก ซึ่งจะพองตัวได้ดีในน้ำ มีความสามารถในการดูดซับน้ำถึง 40-45 มิลลิลิตร/กรัม ทำให้เกิดเป็นเจล (Gel) หรือเป็นวุ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยความร้อน และมีการน้ำมาใช้เป็นยาแผนโบราณมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ในประเทศจีนยังใช้เป็นยาแบบดั้งเดิมเพื่อป้องกันการอักเสบและท้องผูก ในปัจจุบันมีการนำเมล็ดสำรองมาใช้เป็นเครื่องดื่มรสหวานเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อช่วยลดน้ำหนักของร่างกาย แต่ก็ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะขาดข้อมูลที่ใช้เพื่อแสดงประโยชน์ต่อสุขภาพของลูกสำรอง
วัตถุประสงค์ของการทดลองครั้งนี้เพื่อศึกษาว่าเมล็ดสำรองขนาดไหนให้เนื้อเจลมากที่สุด เวลาการแช่เพื่อให้ได้เนื้อเจลมากที่สุด และหาลักษณะทางกายภาพของเมล็ดสำรอง ความชื้น เปอร์เซ็นต์การพองตัว พื้นที่ภาพฉายและเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยเชิงเรขาคณิต
2. วัตถุดิบและวิธีการทดลอง
2.1 การเตรียมวัตถุดิบ
เมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) เป็นเมล็ดที่ผู้ทำการศึกษาได้ซื้อมาจากร้านสมุนไพรแห่งหนึ่ง ในเขตลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ตัวอย่างนั้นไม่ได้ทำการคัดเลือกเมล็ดมาและบรรจุอยู่ในถุงถุงละ 3 ขีดและเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง เมื่อทำการทดลองจึงต้องแยกเมล็ดนำเมล็ดที่เป็นรูแยกออกและเมล็ดที่ไม่มีรูจะเก็บไว้เพื่อศึกษา โดยขั้นตอนการเตรียมโดยแยกเมล็ดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง < 23 mm คือเมล็ดขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลาง 23-25 mm คือเมล็ดขนาดกลาง และเส้นผ่านศูนย์กลาง >25 mm คือเมล็ดขนาดใหญ่
2.2 สมบัติทางกายภาพ
2.2.1 การหาขนาด (Size)
โดยใช้เวอร์เนียคาร์ลิปเปอร์วัดขนาดเมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) ซึ่งประกอบด้วย ความยาว (L) ความกว้าง (W) ความหนา (M)
2.2.2เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยเชิงเรขาคณิต (Geometric Mean Diameter , GMD)
คำนวณหาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยเชิงเรขาคณิต สามารถคำนวณได้โดยการนำค่า W,M,L ที่ได้จากการวัดขนาด (Size) ของเมล็ดสำรอง จำนวน 100 เมล็ด
2.2.3 ความเป็นทรงกลม (Sphericity , )
ความเป็นทรงกลมเป็นค่าที่ใช้บอกความใกล้เคียงความเป็นทรงกลมของเมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) จำนวน 100 เมล็ด ซึ่งถ้าเมล็ดมีความกลมมากที่สุดจะมีค่าความเป็นทรงกลมเท่ากับ 1 สามารถคำนวณได้จากสมการ
จากตารางเป็นค่าเฉลี่ยความเป็นทรงกลมจำนวน 100 เมล็ด
2.3 เปอร์เซ็นการพองตัว (%)
ค่าเปอร์เซ็นการพองตัวคือเปอร์เซ็นต์การพองตัวของลูกสำรองหลังจากแช่น้ำโดยมี เมล็ด+เนื้อเจล+เปลือก
จากกราฟ ในชั่วโมงที่ 1 จะเห็นได้ว่าลูกสำรองขนาดกลางจะมีเปอร์เซ็นการพองตัวมากที่สุดรองลงมาจะในส่วนเป็นขนาดใหญ่และขนาดเล็กตามลำดับ ในส่วนของชั่วโมงที่ 2 ขนาดเล็กจะมีเปอร์เซ็นการพองตัวมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดกลางและขนาดใหญ่ตามลำดับ ในส่วนของชั่วโมงที่ 3 ขนาดเล็กจะมีเปอร์เซ็นการพองตัวมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดใหญ่และขนาดกลาง ตามลำดับ และในส่วนของชั่วโมงที่ 4 ขนาดกลางจะมีเปอร์เซ็นการพองตัวมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ดังนั้นจากการทดลองขนาดของเมล็ดที่ให้เปอร์เซ็นการพองตัวเป็นผลที่น่าพอใจมากที่สุด คือเมล็ดสำรองขนาดกลาง (23-25mm) และถ้าต้องการเนื้อเจลมากที่สุดซึ่งเกิดได้จากการพองตัวมากที่สุดคือเมล็ดในขนาดกลางที่ระยะในการแช่ของเมล็ดเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ในการพองตัวของเมล็ดในแต่ละขนาดต่างๆนั้นขนาดของเมล็ดนั้นไม่ได้มีผลว่าขนาดของเมล็ดที่ใหญ่จะมีเปอร์เซ็นพองตัวมากกว่าขนาดเล็ก ซึ่งในการพองตัวของเจลในแต่ละเมล็ดนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดนั้นด้วย ซึ่งบางเมล็ดจะมีการพองตัวของเนื้อเจลได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าจะต้องการเนื้อเจลที่มาก สิ่งที่ควรทำก่อนนำไปแช่คือการคัดเลือกคุณภาพเมล็ดเพื่อที่จะได้รับเมล็ดที่มีคุณภาพ ดังเช่นการมีรูพรุนของเมล็ด ความสมบูรณ์ของเมล็ด เป็นต้น
การดูดเอาน้ำที่แช่มาเข้าไปในเนื้อเจลที่เป็นส่วนของเปลือกของเมล็ดสำรอง จากกราฟเป็นกราฟที่ไม่ได้แยกขนาดตามเมล็ด ซึ่งเป็นการนำค่าเฉลี่ยจากการทดลองซ้ำทั้งหมด 3 ชุดและนำไปแช่น้ำตามชั่วโมงที่ได้กำหนดไว้คือ 1 , 2 , 3 และ 4 ชั่วโมงตามลำดับ ซึ่งจากกราฟที่ได้เป็นเส้นตรงจะได้เป็นเปอร์เซ็นการพองตัวเพิ่มขึ้นตามชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นหรือการพองตัวแปรผันตรงกับชั่วโมงในการแช่ ซึ่งจากกราฟในชั่วโมงที่ 4 จะได้เปอร์เซ็นการพองตัวมากที่สุด การที่เมล็ดสำรองพองตัวนั้นเกิดจากการดูดเอาน้ำที่แช่มาเข้าไปในเนื้อเจลที่เป็นส่วนของเปลือกของเมล็ดสำรอง
จากกราฟในชั่วโมงที่ 1 จะเห็นได้ว่าลูกสำรองขนาดกลางจะมีเปอร์เซ็นเจลมากที่สุดรองลงมาจะในส่วนเป็นขนาดใหญ่และขนาดเล็กตามลำดับ ในส่วนของชั่วโมงที่ 2 ขนาดเล็กจะมีเปอร์เซ็นเจลมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดกลางและขนาดใหญ่ตามลำดับ ในส่วนของชั่วโมงที่ 3 ขนาดเล็กจะมีเปอร์เซ็นเจลมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดใหญ่และขนาดกลาง ตามลำดับ และในส่วนของชั่วโมงที่ 4 ขนาดกลางจะมีเปอร์เซ็นเจลมากที่สุด รองลงมาจะเป็นในส่วนของขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการพองตัวแล้วความเปอร์เซ็นของเจลมีการเรียงลำดับเหมือนกับเปอร์เซ้นการพองตัว จากกราฟจะเห็นได้ว่าเมล็ดสำรองในขนาดกลางนั้นมีเปอร์เซ็นเจลมากที่สุดในเวลาที่ชั่วโมงที่ 4
2.4 ความหนาแน่น (bulk density)
ได้นำเมล็ดที่แยกเรียบร้อยแล้วนำมาแบ่งเป็นกลุ่ม 3 กลุ่มคือ กลุ่มขนาดเล็ก กลุ่มขนาดกลาง และกลุ่มขนาดใหญ่ และจากนั้นนำบรรจุใส่แก้วพลาสติกเป็นจำนวน 10 กรัม โดยจะแบ่งทำเป็น 3 ชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีการแช่ไว้ 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง ตามลำดับ ซึ่งเมื่อแช่ครบตามเวลาที่กำนดแล้วนำไปตากแห้งเป็นระยะเวลาประมาณ 4 นาที และนำไปชั่งบนเครื่องชั่งดิจิตอลจะได้นำหนักเมล็ดและน้ำหนักเจลรวมกันจากนั้นทำการคัดเจลและเมล็ดแยกออกจากกันแล้วนำเจลไปบรรจุในแก้วปริมาตร 65 ml จะได้ค่า bulk density ซึ่งคำนวณหาได้จากสมการ
จากกราฟแสดงให้เห็นได้ว่าค่า bulk density มีค่าเพิ่มมากขึ้นซึ่งแปรผันตามเวลาและในชั่วโมงที่ 4 จะมีค่า bulk density มากที่สุด
จากกราฟค่า bulk density ในชั่วโมงที่ 1 และ 2 มีการเรียงลำดับค่า bulk density เหมือนกับค่าเปอร์เซ็นการพองตัวและค่าเปอร์เซ็นต์เจล แต่ในส่วนของชั่วโมงที่ 3 และ 4 ค่าbulk density และค่าเปอร์เซ็นต์การพองตัวและค่าเปอร์เซ็นต์เจลมีการเรียงลำดับไม่เหมือนกัน ซึ่งในชั่วโมงที่ 3 เมล็ดขนาดกลางมีค่า bulk density มากที่สุดและในชั่วโมงที่ 4 ขนาดใหญ่มีค่า bulk density มากที่สุดซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุของการดูดน้ำของแต่ละเมล็ดซึ่งขนาดใหญ่อาจจะมีความสามารถในการดูดน้ำมากที่สุดก็ต่อเมื่อเวลามากที่สุดและในส่วนของขนาดกลางในชั่วโมงที่ 3 มีค่า bulk density มากกว่าขนาดใหญ่นั้นอาจเพราะในช่วงชั่วโมงที่ 1.2.3 นั้นขนาดใหญ่อาจมีความสามารถในการดูดน้ำได้ไม่เต็มที่นักและเมื่อในชั่วโมงที่ 4 จึงจะแสดงการดูดน้ำที่มากที่สุด
2.2.4 พื้นที่ภาพฉาย (Projected area)
พื้นที่ภาพฉาย เป็นค่าที่บ่งบอกพื้นที่ของเมล็ดสำรอง จากการเปรียบเทียบอัตราส่วนพิกเซล ทำโดยการนำเมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) ที่ได้รับการคัดแยกแล้วไปแช่น้ำตามเวลาที่กำหนดไว้ หลังจากแช่ตามเวลาที่กำหนดไว้เมล็ดสำรองจะพองตัวเป็นเจล แล้วนำเมล็ดสำรองไปตากแห้งจนเสด็จน้ำไป หลังจากนั้นนำไปวางบนกระดาษกราฟที่มีการวาดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 1 cm x 1 cm ไว้ที่มุมด้านใดด้านหนึ่งของกระดาษและมีพลาสติกใส่วางอยู่เพื่อป้องกันกระดาษกราฟเปียก จากนั้นถ่ายรูปจากมุมสูง นำรูปภาพที่ได้มาหาสัดส่วนพื้นที่ (cm2) และพื้นที่ pixel ระหว่างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและเมล็ดสำรอง (Scaphium macropodum Beaum) โดยใช้โปรแกรม PhotoshopCS5Portable สามารถหาได้จากสมการที่
จากกราฟจะเห็นได้ว่าในชั่วโมงที่ 4 มีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุด ค่าที่รองลงมาคือในชั่วโมงที่ 1 , 3 และ 2 ตามลำดับสาเหตุที่ชั่วโมงที่ 4 มีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุดนั้นเกิดจากการพองตัวของเจลมากและมีขนาดใหญ่จึงมีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุดและในส่วนของชั่วโมงที่ 1 รองลงมานั้นสาเหตุเกิดจากจำนวนเมล็ดที่มากกว่าในชั่วโมงอื่นๆจึงมีค่าพื้นที่ภาพฉายรองลงมาจากชั่วโมงที่ 4
จากกราฟในชั่วโมงที่ 1 และ 2 เมล็ดขนาดเล็กมีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุดเนื่องจากจำนวนเมล็ดที่มากกว่าขนาดกลางและขนาดใหญ่ ในส่วนของชั่วโมงที่ 3 ขนาดกลางจะเริ่มมีพื้นที่ภาพฉายมากกว่าขนาดเล็ก เนื่องจากเวลาเพิ่มขึ้นการพองตัวของเจลจึงมากขึ้นและในส่วนของชั่วโมงที่ 4 ขนาดเมล็ดที่ใหญ่มีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุดอ้างอิงจากกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง bulk density กับ เวลาซึ่งยิ่งชั่วโมงเยอะขึ้นจีงมีความสามารถในการดูดน้ำมากที่สุด
3.สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองพบว่าเปอร์เซ็นต์การพองตัวของขนาดกลางในชั่วโมงที่ 4 มีค่ามากที่สุดเช่นเดียวกับเปอร์เซ็นต์เจลซึ่งขนาดกลางในชั่วโมงที่ 4 มีค่ามากที่สุด ในส่วนของไม่ได้คัดขนาดของเมล็ดในชั่วโมงที่ 4 ของการแช่นั้นมีค่าเปอร์เซ็นต์เจลมากที่สุด สำหรับค่า bulk density สำหรับในส่วนของที่ไม่ได้คัดเมล็ดนั้นในการแช่ 4 ชั่วโมงมีค่ามากที่สุดและในส่วนของการคัดเมล็ดพบว่าขนาดใหญ่ในชั่วโมงการแช่ 4 ชั่วโมงมีค่ามากที่สุดเช่นกัน สำหรับพื้นที่ภาพฉายสำหรับการไม่คัดเมล็ดนั้นในชั่วโมงที่ 4 มีค่ามากที่สุดและในชั่วโมงที่ 2 ของการคัดเมล็ดพบว่าขนาดเมล็ดเล็กมีพื้นที่ภาพฉายมากที่สุดอเป็นเพราะจำนวนเมล็ดมีมากกว่าส่วนของขนาดเมล็ดอื่นๆและในการพองตัวของเมล็ดในแต่ละครั้งของการทดลองนั้นขึ้นอยู่กับการคัดเลือกเมล็ดที่จะนำไปแช่ในแต่ละชั่วโมงต่างๆด้วย ถ้าหากเมล็ดที่นำไปแช่มีความไม่สมบูรณ์ของเมล็ดเช่น การมีรูพรุน ความไม่สมบูรณ์แบบของเมล็ด เป็นต้น จะทำให้ได้เปอร์เซ็นต์การพองตัวที่ต่ำลงซึ่งจะได้เจลออกมาได้ไม่ดีนัก