อ่านข่าวจากประชาชาติธุรกิจ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555 แล้ว ขอแสดงความชื่นชนผู้เกี่ยวข้องทุกๆท่าน
โดยมหาวิยาลัยกรุงเทพ ได้จัดโครงการดีๆ
พร้อมเงินทุนสนับสนุนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ทำโปรเจ็กต์เพื่อนำวิชาการมาใช้ปฏิบัติจริง
โดย มีการนำสินค้าออกวางจำหน่าย
การให้การสนับสนุนและร่วมมือของทุกๆฝ่าย ทั้งสถาบันการศึกษา หน่วยราชการ นักวิจัยผู้ทรงคุณวุฒิ และเอกชนเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อให้เยาวชนและบุคลากรในอุหสาหกรรมต่างๆ ได้พัฒนาสร้างสรรค์สิ่งดีๆ
ขอเป็นกำลังใจ ให้ขยับขยายและทำส่งออกต่างประเทศด้วยเลยจ๊า
เห็นว่าข่าวดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ต่ออุตสาหกรรมอาหาร
ทีมงาน fns: 086-329-0078 E-Mail: [mail=contact@foodnetworksolution.com:1fpujbp0]contact@foodnetworksolution.com[/mail:1fpujbp0]
รู้จัก Queen Quzy ไอศกรีมเสริมความงาม...กินแล้วผอม
จากโครงการ CEMP ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเป็นโครงการที่ให้นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ ได้ร่วมกันทำโปรเจ็กต์เพื่อนำวิชาการมาใช้ปฏิบัติจริง โดยปีนี้มีคอนเซ็ปต์ของงานคือ "สินค้าสร้างสรรค์" และมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 12 ทีม แต่ละทีมจะได้รับเงินทุนจากมหาวิทยาลัย ทีมละ 40,000 บาท เพื่อเป็นทุนในการจัดการทั้งการตลาด การออกแบบแพ็กเกจ
หนึ่งนั้นคือ
Queen Quzy ไอศกรีมที่นอกจากจะไม่อ้วนแล้ว ยังเป็นไอศกรีมที่กินแล้วผอม โดย
ไชยยศ หิรัญวัฒนสิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หัวหน้าทีม ได้กล่าวถึงที่มาของโปรเจ็กต์นี้ว่า
ตัวเองเป็นคนที่ชอบทานไอศกรีมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันก็มักมีความกังวลใจว่าหากทานมากไปจะมีปัญหาเรื่องความอ้วน จึงผนวกเอาสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วเพิ่มฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งคืออาหารเสริม เช่น แอลคาร์นิทีน L-Carnitine เข้าไปในไอศกรีม นอกจากนี้ยังเพิ่มอาหารเสริมที่ให้ผลทางด้านความงามอื่น ๆ เข้าไปด้วย อาทิ กลูตาไธโอน glutathione, และ Collagen คอลลาเจน จนเกิดเป็นจุดขายที่ว่า "Your beauty Ice cream" รสชาติของไอศกรีมมีทั้งหมดสี่รส ได้แก่รสสตรอเบอร์รี่เชอร์เบท, บลูเบอร์รี่โยเกิร์ต, กีวีแอปเปิล และรสแพสชั่นฟรุต ซึ่งทั้ง 4 รส เป็นไอศกรีมไขมันต่ำ ราดด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษ บวกกับท็อปปิ้งอีก 4 ชนิดให้เลือก ซึ่งน้ำซอสที่ผสมอาหารเสริม
ซึ่งในงานนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรก ของ Queen Quzy ไอศกรีม ทางร้านตั้งเป้าวันแรกไว้ที่ 50 ถ้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ปรากฏว่ายอดขายทะลุถึง 160 ถ้วย หรือคิดเป็นเงินแล้วขายไปได้กว่าหมื่นบาท ถือว่าเป็นผลตอบรับที่น่าพอใจมาก โดยกำไรที่ได้จากการขายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% และทางร้านยังหวังว่าวันที่สองและวันสุดท้ายของงานจะมียอดเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 200 ถ้วยเป็นอย่างต่ำ โดยหลังจากงานนี้ทางทีมมีแผนจะไปโปรโมตสินค้าในงานเทศกาลไอศกรีมที่ เซ็นทรัลฯ ในวันที่ 22-28 มีนาคมนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโครงการ ทำต่อเนื่องกับทางมหาวิทยาลัย คืองาน Cemp Road Show ที่จะตระเวนไปเปิดบูทแสดงสินค้าตามโรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และโครงการ Cemp Shop ซึ่งจะมีการลงพื้นที่เปิดเป็นช็อปตามห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ หรือตามแหล่งที่มีกลุ่มลูกค้า และสุดท้ายคืองาน "มหกรรมสินค้าสร้างสรรค์" ที่จะจัดขึ้นในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งสามโครงการนี้เป็นโครงการที่างมหาวิทยาลัยจะช่วยเหลือเพื่อช่วยใน การโปรโมตสินค้า โดยจะใช้เวลาทั้งสิ้น 3 เดือน
ในส่วนของทางร้านเอง ขณะนี้ก็มีการวางแผนจะนำสินค้าไปวางจำหน่ายที่ร้านค้าต่าง ๆ และมีร้านค้าในบริเวณมหาวิทยาลัยให้การตอบรับมาแล้ว กว่า 4 ร้าน โดยเฉพาะร้านใกล้เคียงมหาวิทยาลัยในซอยรังสิตภิรมณ์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)
นอกจากนี้ทางร้านยังมีแผนจะ ติดต่อกับทางร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อฝากขายสินค้า โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ที่รักสุขภาพ และกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่ต้องการรักษาหุ่น อนาคตยังมีแผนพัฒนาให้น้ำซอสแต่ละรสสามารถมีอาหารเสริมทุกประเภท จากเดิมที่น้ำซอสรสสตรอเบอร์รี่เชอร์เบท บลูเบอร์รี่โยเกิร์ตจะผสมแอลคาร์นิทีน, บลูเบอร์รี่กีวี แอปเปิลผสมกลูตาไธโอน และรสแพสชั่นฟรุตผสมคอลลาเจน ราคาขายถ้วยละ 69 บาท
ไชยยศกล่าว ว่า เป็นราคาที่เรียกว่าอยู่ได้ เพราะการผสมอาหารเสริมจะทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น และราคาดังกล่าวถือว่าขายความแตกต่างจากไอศกรีมในท้องตลาดทั่วไป ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ www prachachat net online วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 07:41:24 น.