ปลาหมึก หรือ หมึก คือ สัตว์น้ำเค็มที่ไม่มีกระดูกสันหลัง จัดอยู่พวกมอลลัส (molluscs) ซึ่งเป็นสัตว์ในไฟลัมมอลลัสกา (mollusca) ซึ่งเป็นไฟลัมเดียวกับหอย ปลาหมึกเป็นสัตว์ ที่มีวิวัฒนาการมากที่สุดในไฟลัมนี้ เป็นอาหารทะเล (seafood) ที่นิยมบริโภคทั่วไป
ประเภทของหมึก
1. หมึกกระดอง (Cuttlefish, Rainbow Cuttlefish) ชื่อวิทยาศาสตร์ Sepia brevimana, Sepia pharaonis
ลักษณะทั่วไปของหมึกกระดอง
หมึกกระดองมีลำตัวเป็นถุงรูปไข่ มีแผ่นกล้ามเนื้อคลุมลำตัวคือ ครีบ เป็นอวัยวะที่ใช้ในการพยุงตัว ทำให้เคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างรวดเร็ว ลำตัวเป็นกล้ามเนื้อมีลักษณะเป็นแผ่นเนื้อหนาหุ้มห่ออวัยวะภายใน กระดองรูปคล้ายใบหอกที่ เรียกว่า ลิ้นทะเล หัวมีนัยน์ตาขนาดใหญ่ มีหนวดสั้น 4 คู่ และหนวดยาว 1คู่ ปลายของหนวดแต่ละเส้นมีอวัยวะดูดใช้ในการจับอาหาร ถิ่นอาศัย หากินอยู่ในบริเวณผิวน้ำในเวลากลางคืน พบทั่วไปในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
![]() |
2. หมึกหอม / หมึกตะเภา (Soft Cuttlefish) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sepioteuthis lessoniana
![]() |
ลำตัวเป็นรูปทรงกระบอก ครีบหรือแผ่นข้างตัวทั้งสองด้าน มีลักษณะกว้างและแบน ยาวเกือบตลอดลำตัวคล้ายมึงกระดอง ต่างกันที่กระดองของหมึกหอมจะเป็นแผ่นใสดูบาง เห็นเส้นกระดองได้ชัดเจน หนวดรอบปากมี 10 เส้น เป็นแขน 8 เส้น มีหนวดคู่ยาว 2 เส้น ลำตัวใส มีสีน้ำตาลอมแดง ประเป็นจุด นัยน์ตาสีเขียว ตัวผู้จะมีขนาดยาวและเรียวกว่าตัวเมีย ถิ่นอาศัย รวมกลุ่มอยู่เป็นหมู่ ทั้งในบริเวณผิวน้ำยังถึงพื้นทะเล
3.หมึกยักษ์หรือหมึกสาย (Octopus) ชื่อวิทยาศาสตร์ Octopus membranaceous
ลักษณะทั่วไปของหมึกสาย
หมึกชนิดนี้มีรูปร่างผิดกับหมึกชนิดอื่น คือ ลำตัวกลมคล้ายลูกโป่ง ไม่มีครีบ ไม่มีกระดอง มีหนวด 8 เส้น แต่ละเส้นมีความยาวใกล้เคียงกันโคนหนวดแต่ละเส้นมีแผ่นหนังเชื่อมติดกัน ด้านในของหนวดทุกเส้นมีปุ่มดูดเรียงกันเป็นสองแถวสำหรับจับสัตว์กินเป็นอาหาร ลำตัวสีเทาอมดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ด้านท้องสีขาว หมึกสายเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไวค่อนข้างช้า ถิ่นอาศัย ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่เป็นโคลนหรือโคลนปนทราย พบตามชายฝั่งทะเลทั่วไป
|
4.หมึกกล้วย (Squid / Splendid Squid) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Loligo spp. Loligo formosana
ลักษณะทั่วไปของหมึกกล้วย
รูปร่างยาวเรียว ลำตัวกลม ครีบเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ทางด้านซ้าย มีหนวดสั้น 4 คู่ และหนวดยาว 1 คู่ ปุ่มดูดที่อยู่บนหนวดเปลี่ยนรูปเป็นขนสั้นๆ เพื่อใช้ในการสืบพันธุ์ ถิ่นอาศัย หากินอยู่ในบริเวณผิวน้ำในเวลากลางคืน พบทั่วไปในอ่าวไทยและเวลากลางวันจะรบอยู่ตามหน้าดิน
ที่มา: http://www.acfs.go.th/datakm/standard/download/plameuk.pdf
การแปรรูปปลาหมึก
ผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมึก
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมึก
1. บรรจุกระป๋อง (canning)
2.แช่เยือกแข็ง (freezing)
3.ปลาหมึกแห้ง (dehydration)
4.ปลาหมึกทอด (frying)
ปลาหมึกสดแต่ละชนิดมี 8 แบบ ได้แก่
ข้อกำหนดทั่วไปของคุณภาพปลาหมึก (มกอช. 7005-2548 )
1. เป็นปลาหมึกที่สด มีลักษณะสมบูรณ์ตามชนิดและแบบ
2. มีสีปกติตามธรรมชาติ
3. ไม่มีตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน
4. มีกลิ่นคาวเล็กน้อย แต่ไม่มีกลิ่นจากการเน่าเสีย (microbial spoilage) หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ (off flavour)
5. ไม่มีสิ่งแปลกปลอมซึ่งไม่ใช่ส่วนของปลาหมึก เมื่อตรวจสอบด้วยสายตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องจากการปฏิบัติที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
สุขลักษณะ
การจับปลาหมึก การดูแลรักษาปลาหมึกหลังการจับ และการขนส่งปลาหมึก ต้องปฏิบัติอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพของปลาหมึกและการปนเปื้อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค จุลินทรีย์ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดดังต่อไปนี้
การบรรจุ
การขนส่ง
พาหนะและอุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งปลาหมึกควรมีสมบัติดังนี้
ปัญหาการตกค้างของโลหะหนักในปลาหมึก
ปัญหา ที่สำคัญของการส่งออกปลาหมึกแช่เยือกแข็ง คือ การปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น สารแคดเมียมในเนื้อเยื่อปลาหมึก ปลาหมึกแช่เยือกแข็งส่งออกได้ถูกประเทศผู้ซื้อสุ่มตัวอย่าง และตรวจสอบสารพิษและพบปริมาณแคดเมียมสูงเกินกว่าเกณฑ์กำหนดเพื่อการส่งออก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกปลาหมึกแช่เยือกแข็งตื่นตัวและระมัดระวังในการตรวจสอบคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากแคดเมียมมีความเป็นพิษทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง เมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมโดยการกินส่วนใหญ่จะเป็นพิษเฉียบพลัน คือ อาเจียน ท้องร่วง เป็นตะคริว และน้ำลายฟูมปาก บางรายถ้าสูญเสียน้ำมากระบบการทำงานของไตล้มเหลวอาจถึงตายได้ ถ้าเป็นพิษเรื้อรัง มักจะเกิดจากร่างกายรับแคดเมียมเป็นเวลานานติดต่อกันทีละน้อยๆ จะเกิดการทำลายไตและปอด เกิดความเป็นพิษต่อกระดูก เรียกว่า โรคอิไต อิไต ซึ่งเป็นอาการของกระดุกพรุน โก่ง และโค้งงอ
หน่วยเครื่องมือกลาง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้บริการตรวจวิเคราะห์/ทดสอบปริมาณแคดเมี่ยมในปลาหมึกแช่เยือกแข็งด้วย เทคนิค ICP-OES พบว่า ในผลิตภัณฑ์ปลาหมึกแช่เยือกแข็งทั้ง 3 ชนิด ปลาหมึกกล้วยมีปริมาณแคดเมียมต่ำสุด คืออยู่ในช่วง 0.01-0.50 ppm (มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ซึ่ง มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานเพื่อการส่งออก ส่วนปลาหมึกกระดอง และปลาหมึกสายมีค่าปริมาณแคดเมียมสูงกว่าเกณฑ์เล็กน้อยประมาณ 5% และ 3% ตามลำดับ
ผลการวิเคราะห์แคดเมียมในส่วนประกอบส่วนต่างๆ ของปลาหมึก คือหนวด เนื้อ และเครื่องใน เช่น มัน (brain) ถุงทราย (digestion gland) ไข่ (overy) ดีหมึก (ink sac) พบว่าในเครื่องในโดยเฉพาะในมันและถุงทราย มีปริมาณแคดเมียมเฉลี่ยสูงที่สุด มีค่ามากกว่า 1 ppm โดยเฉพาะในปลาหมึกยักษ์ซึ่งเป็นปลาหมึกสายชนิดหนึ่ง ที่พบปริมาณแคดเมียมมากถึง 30 ppm แต่สำหรับส่วนอื่นๆ ของปลาหมึกทุกชนิด มีปริมาณแคดเมียมต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานกำหนดเพื่อการส่งออก คือ 1 ppm ดังนั้น เพื่อเฝ้าระวังแคดเมียมในปลาหมึกเพื่อการส่งออก ควรตัดแต่งเครื่องในออกให้มากที่สุด ให้เหลือแต่ส่วนเนื้อและหัว เพื่อจะได้ลดปริมาณแคดเมียมที่อาจปนเปื้อนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
คุณค่าทางโภชนาการของปลาหมึก
(Mollusks, cuttlefish, mixed species, rawScientific Name: SepiidaeNDB No:15163 (Nutrient values and weights are for edible portion)
Nutrient | Units | Value per100 grams | Numberof DataPoints | Std.Error |
---|---|---|---|---|
Proximates | ||||
Water | g | 80.56 | 16 | 0.545 |
Energy | kcal | 79 | 0 | 0.000 |
Energy | kJ | 331 | 0 | 0.000 |
Protein | g | 16.24 | 14 | 0.000 |
Total lipid (fat) | g | 0.70 | 16 | 0.000 |
Ash | g | 1.68 | 14 | 0.000 |
Carbohydrate, by difference | g | 0.82 | 0 | 0.000 |
Dietary Fiber | g | 0.0 | 0 | 0.000 |
Minerals | ||||
Calcium, Ca | mg | 90 | 13 | 0.000 |
Iron, Fe | mg | 6.02 | 5 | 0.000 |
Magnesium, Mg | mg | 30 | 0 | 0.000 |
Phosphorus, P | mg | 387 | 13 | 0.000 |
Potassium, K | mg | 354 | 2 | 0.000 |
Sodium, Na | mg | 372 | 1 | 0.000 |
Zinc, Zn | mg | 1.73 | 27 | 0.000 |
Copper, Cu | mg | 0.587 | 30 | 0.134 |
Manganese, Mn | mg | 0.110 | 0 | 0.000 |
Selenium, Se | mcg | 44.8 | 0 | 0.000 |
Vitamins | ||||
Vitamin C, total ascorbic acid | mg | 5.3 | 1 | 0.000 |
Thiamin | mg | 0.009 | 1 | 0.000 |
Riboflavin | mg | 0.910 | 1 | 0.000 |
Niacin | mg | 1.216 | 1 | 0.000 |
Pantothenic acid | mg | 0.500 | 0 | 0.000 |
Vitamin B-6 | mg | 0.150 | 0 | 0.000 |
Folate, total | mcg | 16 | 0 | 0.000 |
Folic acid | mcg | 0 | 0 | 0.000 |
Folate, food | mcg | 16 | 0 | 0.000 |
Folate, DFE | mcg_DFE | 16 | 0 | 0.000 |
Vitamin B-12 | mcg | 3.00 | 1 | 0.000 |
Vitamin A, RAE | mcg_RAE | 113 | 0 | 0.000 |
Retinol | mcg | 113 | 0 | 0.000 |
Vitamin A, IU | IU | 375 | 0 | 0.000 |
Lipids | ||||
Fatty acids, total saturated fatty acid | g | 0.118 | 0 | 0.000 |
14:0 | g | 0.012 | 1 | 0.000 |
16:0 | g | 0.061 | 1 | 0.000 |
18:0 | g | 0.044 | 1 | 0.000 |
Fatty acids, total monounsaturated fatty acid | g | 0.081 | 0 | 0.000 |
16:1 undifferentiated | g | 0.012 | 1 | 0.000 |
18:1 undifferentiated | g | 0.031 | 1 | 0.000 |
20:1 | g | 0.036 | 1 | 0.000 |
22:1 undifferentiated | g | 0.001 | 1 | 0.000 |
Fatty acids, total polyunsaturated fatty acid | g | 0.134 | 0 | 0.000 |
18:2 undifferentiated | g | 0.002 | 1 | 0.000 |
18:3 undifferentiated | g | 0.001 | 1 | 0.000 |
18:4 | g | 0.002 | 1 | 0.000 |
20:4 undifferentiated | g | 0.013 | 1 | 0.000 |
20:5 n-3 (EPA) | g | 0.039 | 1 | 0.000 |
22:5 n-3 (DPA) | g | 0.006 | 1 | 0.000 |
22:6 n-3 (DHA) | g | 0.066 | 1 | 0.000 |
Cholesterol | mg | 112 | 1 | 0.000 |
Amino acids | ||||
Tryptophan | g | 0.182 | 0 | 0.000 |
Threonine | g | 0.699 | 0 | 0.000 |
Isoleucine | g | 0.707 | 0 | 0.000 |
Leucine | g | 1.143 | 0 | 0.000 |
Lysine | g | 1.213 | 0 | 0.000 |
Methionine | g | 0.366 | 0 | 0.000 |
Cystine | g | 0.213 | 0 | 0.000 |
Phenylalanine | g | 0.582 | 0 | 0.000 |
Tyrosine | g | 0.520 | 0 | 0.000 |
Valine | g | 0.709 | 0 | 0.000 |
Arginine | g | 1.185 | 0 | 0.000 |
Histidine | g | 0.312 | 0 | 0.000 |
Alanine | g | 0.982 | 0 | 0.000 |
Aspartic acid | g | 1.567 | 0 | 0.000 |
Glutamic acid | g | 2.208 | 0 | 0.000 |
Glycine | g | 1.016 | 0 | 0.000 |
Proline | g | 0.662 | 0 | 0.000 |
Serine | g | 0.727 | 0 | 0.000 |
จัดทำโดย
น.ส. มณีนุช มาขุนทด รหัส 51011028น.ส. มนัญญา แสงคำ รหัส 51011032น.ส. เมธินี สุกแดง รหัส 51011049น.ส. รชยา ธารากุลทิพย์ รหัส 51011061
เอกสารอ้างอิง
สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์. ภาพปลาและสัตว์น้ำของไทย.พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพฯ:องค์การค้าของคุรุสภา,2540 น.232-239
บพิธ จารุพันธุ์,นันทพร จารุพันธุ์.สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 2.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,2546น.212-213
http://fwmail.teenee.com/etc/18636.html
http://www.iteachbio.com/Marine-Biology/MarineBioGraphics/cuttlefish-1.jpg
http://www.google.co.th/imglanding
http://nutritiondata.self.com/facts/finfish-and-shellfish-products/4198/2
http://ced.sci.psu.ac.th:8080/Plone
USDA National Nutrient Database for Standard Reference, Release 23 (2010)