วัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร (ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) เรื่องวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร)
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 154 (พ.ศ. 2537) เรื่อง อาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย
พิษภัยอันเกิดจากวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร
วัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร | ประโยชน์ | พิษภัยในการบริโภค |
5) แคลเซียมไอโอเดต หรือโพแทสเซียมไอโอเดต | ใช้เป็นสารฟอกสีแป้งข้าวสาลี และเนยแข็ง และช่วยปรับคุณสมบัติของกลูเตน (gluten) ในแป้งข้าวสาลีให้เหมาะต่อการอบใช้เสริมไอโอดีนในเกลือเพื่อป้องกันโรคคอพอก | อาการพิษเฉียบพลันที่เกิดขึ้น ได้แก่ อาเจียนอย่างรุนแรง ถ่ายเหลวบ่อย ๆ ปวดท้องกระหายน้ำ ช็อค มีไข้ ถ่ายปัสสาวะไม่ออกเพ้อคลั่ง มึนงง และตายเนื่องจากโลหิตเป็นพิษ การรับประทานเป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้เกิดภาวะไอโอดีนเกิน โดยมีอาการเบื่ออาหาร ตาแดง ปากอักเสบ ผื่นแดง ลมพิษน้ำหนักลด นอนไม่หลับ มีอาการทางประสาท |
6) ไนโตรฟูราโซน (nitrofurazone) | ใช้เป็นยาต้านจุลชีพ | อาการคลื่นไส้ อาเจียน ผิวหนังเป็นผื่นแดง โลหิตจาง อาการดีซ่าน สมองส่วนล่าง ทำงานผิดปกติ และการไหลเวียนล้มเหลว |
7) โพแทสเซียมคลอเรต (potassium chlorate) | ใช้ทำหัวไม้ขีดไฟ | ระคายเคืองต่อทางเดินอาหารและไต เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) เลือดมี methemoglobin มาก ทำให้เกิดอาการเลือดขาดออกซิเจน ปริมาณที่ทำให้เกิดพิษ ประมาณ 5 กรัม แต่มีรายงานว่าเด็กกินเข้าไปเพียง 1 กรัมก็ทำให้ตายได้ การกินเข้าไป 15-46 กรัมจะทำให้อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ล้มฟุบและตาย เนื่องจากไตวาย |
8) ฟอร์มาลดีไฮด์ | เป็นแก๊ส ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนมีขายทั่วไปในรูปฟอร์มาลิน 40%ใช้ประโยชน์เป็นยาฆ่าเชื้อทั่วไปและฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง ทำน้ำยาดับกลิ่น และเป็นยาดองศพ | ทำให้ปวดท้องอย่างรุนแรง มีอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดคอและท้อง กระเพาะอาหารอักเสบ และเกิดแผลในกระเพาะอา หารตับไต หัวใจ และสมอง ถูกทำลาย เยื่อบุอวัยวะภายในอักเสบ หากเข้าสู่ร่างกาย 60 - 90 ml.ทำให้ตายได้ |
9) คูมาริน (coumarin) | เป็นยาป้องกันโลหิต จับตัวกันเป็นก้อนหรือลิ่ม (anticoagulant) | การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ทำให้เกิดการทำลายตับ อัมพาต การกดประสาทส่วนกลาง ไตถูกทำลาย เลือดไม่แข็งตัว |
10) ไดไฮโดรคูมาริน (dihydrocoumarin) | ในอดีตมักพบปนเปื้อนในวัตถุเจือปนอาหาร | ในผู้ชายการรับประทานเข้าไปในขนาด 4 กรัม ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตได้ |
11) เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) |
ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีสังเคราะห์เป็นสารกันเยือกแข็ง (antifreeze) เป็นตัวทำละลายในเชลแล็คและวานิช ใช้ล้างสี |
เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูก oxidize ได้ช้ากว่าเอทธิลแอลกอฮอล์มาก แม้จะผ่านไป 2 วันก็ยังพบว่าเหลือตกค้างในร่างกายอีก 1 ใน 3 การเผาไหม้ในร่างกายจะทำได้ไม่สมบูรณ์จะถูกเปลี่ยนเป็นฟอร์มาลดีไฮด์ และกรดฟอร์มิคซึ่งจะมีความเป็นพิษกว่าเมธิลแอลกอฮอล์ ถึง 6- 60 เท่า เมธิลแอลกอฮอล์ มีความระคายเคืองสูงทำให้เป็นตะคริวในช่องท้อง อาเจียน สายตาพร่ามัว ม่านตาขยายและไม่ตอบสนองต่อแสงร่างกายมีความเป็นกรด การหายใจลำบากผิวหนังเป็นสีเขียว เนื่องจากเลือดขาดออกซิเจนการหายใจและระบบหมุนเวียนล้มเหลว อาจมีอาการเพ้อคลั่งหรือหมดสติ เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน และตายในที่สุด หากโชคดีหายก็มักจะตาบอดถาวร |
12) ไดเอทธิลีนไกลคอล (Diethylene glycol) | เป็นตัวทำละลาย สำหรับสารหลายตัว ที่มีคุณสมบัติละลาย น้ำได้ รวมทั้งยาด้วย | เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดอ็อกซาลิก (oxalic acid) ซี่งมีพิษทำลายสมองและการทำงานของไต และทำให้เกิดโลหิตจาง พิษเฉียบพลัน ทำให้มีอาการอาเจียนปวดหัว หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ ความดันต่ำกล้ามเนื้ออ่อนกำลัง มึนงง หมดสติ ชักอาจตายภายในไม่กี่ชั่วโมงจากระบบการหายใจล้มเหลว หรือตายภายใน 24 ชั่วโมง จากน้ำขังที่ปอด ผู้ป่วยที่หมดสติหรือชักเป็นเวลานานสมองอาจถูกทำลายโดยไม่สามารถฟื้นเป็นปกติได้ |
Reference