Food Network Solution

connect networks, collect information, compare solutions, and compile knowledge for your best solution
การตรวจสอบสถานภาพสินค้าอย่าง Real Time ทำให้สามารถวางแผนการผลิตทั้งในเรื่องตรวจสอบคุณภาพ ความสูญเสีย และกำลังผลิต กระบวนการโลจิสติกส์ภายในโรงงานผลิต (Internal Logistics) เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งปัญหาส่วนมากมักเกิดจากการสูญเสียระหว่างการขนส่ง การแปรรูปอาหาร ความปลอดภัยทางอาหาร ซึ่งเป็น 3 เรื่องหลักที่ RFID เข้ามามีส่วนร่วมทำให้กระบวนผลิตสามารถมองเห็นเป็นภาพ (Visibility) และตรวจสอบได้ (Traceability) ดร. นัยวุฒิ วงษ์โคเมท บริษัท ไอ.อี.เทคโนโลยี จำกัด ได้ทำการศึกษาเทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยการสนับสนุนจากสถาบันส่งเสริมความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีแห่งประเทศไทย (RFID Institute of Thailand) โดยได้แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารโลกว่า อาหารที่ผลิตขึ้นมามากกว่าครึ่งคือการสูญเสีย สูญหาย หรือต้องนำไปทิ้ง เนื่องจากประสิทธิภาพการจัดการซัพพลายเชนโดยบุคลากรไม่มีคุณภาพพอเพียง ต่อเมื่อนำ RFID มาใช้จะสามารถช่วยในตรวจสอบอย่าง Real Time เกิดผลประโยชน์ในเรื่องความเชื่อถือได้ ความรวดเร็ว แม่นยำ สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลไอทีอื่นๆ ในระบบได้ เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ เปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในซัพพลายเชนทั้งระบบ การทำงานของ RFID ในอุตสาหกรรม RFID (Radio Frequency Identification) เป็นระบบที่นำเอาคลื่นวิทยุมาเป็นคลื่นพาหนะเพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองชนิดที่เรียกว่า tag และตัวอ่านข้อมูล (Reader หรือ Interrogator) ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless) โดยการนำข้อมูลที่ต้องการส่ง มาทำการ modulation กับคลื่นวิทยุแล้วส่งออกผ่านทางสายอากาศที่อยู่ในตัวรับข้อมูล การประยุกต์ใช้งาน RFID จะมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกับบาร์โค้ด (Barcode) และยังสามารถรองรับความต้องการอีกหลายอย่างที่บาร์โค้ดไม่สามารถตอบสนองได้ แต่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ สำหรับเป็นข้อมูลทางการขายสินค้าปลีกต่อไป องค์ประกอบที่สำคัญของ RFID คือ tag มีทั้ง Active Tag มีแบตตอรี่อยู่ภายในสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้ Passive Tag ไม่มีแบตตอรี่แต่จะทำงานโดยอาศัยพลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากการเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากตัวอ่านข้อมูล Semi Passive Tag มีแบตตอรี่อยู่ แต่ไม่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้ หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของตัวอ่านข้อมูลหรือ Reader/Interrogator รับข้อมูลที่ส่งมาจาก Tag แล้วทำการตรวจสอบ ถอดรหัสข้อมูลและนำข้อมูลเข้าสู่ Middleware ทำหน้าที่เชื่องโยงฮาร์ดแวร์กับแอพพลิเคชั่นที่อุตสาหกรรมใช้ เช่น ERP ก่อนจะส่งไปยัง Enterprise Software ในองค์กรที่ใช้งานเพื่อนำไปประมวลผลขั้นสูงและประกอบการตัดสินใจต่อธุรกิจ การตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยี RFID มีประโยชน์ในเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหาร เพราะเมื่อเห็นกระบวนการผลิตอย่าง Real Time แล้ว ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตสามารถเห็นสถานภาพของสินค้าได้ทันที โดยเฉพาะเวลามีวิกฤตการณ์การปนเปื้อนสารเคมี จุลินทรีย์ก่อโรค ในอาหาร การใช้เทคโนโลยี RFID สามารถตอบสอบได้ว่า ส่วนผสมมาจากที่ใดบ้าง ผลิตวันและเวลา สินค้ามี Shelf Life เหลืออยู่เป็นระยะเวลาเท่าใด อาหารปลอดภัยต่อการบริโภคหรือไม่ เมื่ออุตสาหกรรมอาหารขึ้นอยู่กับความสดใหม่เป็นสำคัญ RFID สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการเห็นภาพโดยรวม (visibility) ความปลอดภัย การตัดสินใจ การจัดการสินค้าเข้าออก (FIFO) ความถูกต้อง นอกจากนี้แล้ว ต้นทุนของ RFID คิดเป็น 10-20% ของระบบทั้งหมด การนำ RFID ไปใช้กับสินค้าผักผลไม้โดยนำ Tag ติดไว้ตระกว้าหรือฝังไว้ตะกร้า ถ้าใช้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์จะนำไปติดไว้ในหูของสัตว์ที่จะถูกนำไปชำแหละ ในโรงฆ๋าสัตว์ ตั้งแต่ในฟาร์ม จุดรับซื้อ รวบรวมส่งเข้าโรงงานไปยังศูนย์กระจายสินค้าจนถึงผู้บริโภค ลักษณะการใช้ถูกแบ่งเป็นกระบวนการสั้นๆ แล้วนำข้อมูลมาต่อกัน ข้อมูลที่ได้เป็น Real Time แล้วนำมาประมวลผล การจัดการการผลิต เครื่องมือที่ใช้นำมา Integrate เข้าด้วยกันจนสามารถส่งข้อมูลได้ไกลในระดับประเทศได้ จึงเป็นประโยชน์เมื่อต้องการค้าขายกับต่างประเทศ ในช่วงเวลาที่ความปลอดภัยทางอาหารเป็นเรื่องที่คู่ค้าต่างชาติให้ความสำคัญ กรณีศึกษาการตรวจสอบย้อนกลับ จากการศึกษาพืชผักสดจากโครงการหลวง ใช้การติด Tag กับตะกร้าใหญ่แล้วกระจายสู่ตะกร้าเล็กเพื่อทำการตัดแต่ง แล้วนำสู่สายพานและบรรจุเป็นแพ็คย่อยซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นบาร์โค้ด ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์จึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่จุดผลิต ประหยัดต้นทุนค่าแรงงานที่ต้องใช้ในการจดข้อมูลสินค้าและลดความผิดพลาดที่เกิดจาก Human Error ด้านเครือเบทาโกร ใช้กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับอย่างเต็มรูปแบบเรียกว่า Betagro e-Traceability รวมทั้งได้ดำเนินโครงการประกันความปลอดภัยและคุณภาพอาหาร เพื่อให้กระบวนการผลิตอาหารปลอดภัยทั้งระบบและมีขั้นตอนมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเครื่อง Spy on Me Kiosk ติดตั้งในซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งผลิตของสินค้าที่ผลิตโดยเบทาโกรได้ CPF ใช้เทคโนโลยี RFID ในด้าน Food Traceability เริ่มตั้งแต่การนำสุกรเข้าสู่โรงงานชำแหละซึ่งจะมี RFID Tag ติดอยู่บนขอเกี่ยว จากนั้นเข้าสู่กระบวนการผลิตแปรรูปโดยมี Tag ติดอยู่ที่ตะกร้า เดินทางไปจนถึงการผลิตเป็นแพ็คเกจ ขั้นตอนสุดท้ายของระบบจะถูกเปลี่ยนเป็นบาร์โค้ดเพื่อกระจายไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ผู้บริโภคสามารถติดตามตรวจสอบย้อนกลับจากข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ เช่น เนื้อซื้อมามาจากฟาร์มไหน ถูกชำแหละเมื่อใด ระบบการตรวจสอบย้อนกลับในอุตสาหกรรมผลิตกุ้ง โดยการนำ Tag ไปติดไว้ตะกร้าและดำเนินการตั้งแต่การคัดขนาดกุ้ง แกะเปลือก คัดไซส์ ตัดหัว เครื่องอ่านซอฟท์แวร์จะทำการบันทึกข้อมูลแล้วนำมาแชร์ร่วมกันให้กับบริษัทคู่ค้า จากเดิมใช้พนักงาน 9 คนในการจดบันทึกเมื่อใช้เทคโนโลยี RFID ให้พนักงาน 1 คนในการดำเนินการ นอกจากการใช้เทคโนโลยี RFID เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารและการสูญเสียอาหารแล้ว การใช้เทคโนโลยีนี้ยังสามารถช่วยวางแผนกำลังการผลิต เมื่อข้อมูลเป็น Real Time ทำให้ตรวจสอบว่าพนักงานคนไหนทำอะไรบ้าง จึงสามารถจ่ายแรงงานตามน้ำหนักที่พนักงานทำงาน ถ้าเกิดความผิดปกติจากการผลิต เช่น น้ำหนักสินค้าไม่ตรงตามมาตรฐาน สามารถระบุได้ว่าพนักงานคนไหนทำ หลังจากนั้นจึงฝึกพนักงานคนนั้นใหม่ให้ปฏิบัติงานให้ถูกต้องต่อไป RFID ตรวจสอบเรื่อง Yield คุณภาพ น้ำหนัก การสูญหาย และกำลังการผลิต ทั้งหมดนี้จะนำมารวมเป็นข้อมูลเพื่อควบคุมการผลิต แสดงให้เห็นภาพการผลิตในแต่ละจุดว่า การผลิตขณะนี้เป็นจำนวนเท่าไร และยังไม่ได้ผลิตอีกเท่าใด ระบุชัดให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตขณะนั้น รวมถึงการเมื่อการขนย้ายอาหารที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ RFI Dจะช่วยตรวจสอบว่าการขนส่งอาหารถูกต้องตามอุณหภูมิที่กำหนดหรือไม่ ผู้ประกอบการยังไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับ จนกว่าจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยอาหารเกิดขึ้น จึงตรวจสอบ แต่การใช้เทคโนโลยี RFID ตั้งแต่ปัญหายังไม่เกิดจะช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ตรวจสอบได้แม่นยำ นำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ วางแผนการผลิต ระยะเวลาการคืนทุนไม่เกิน 2 ปี" ดร.นัยวุฒิ กล่าวสรุป ที่มา : www.logisticsdigest.com

ผลิตภัณฑ์เด่น
พจนานุกรมวิศวกรรมอาหาร (อังกฤษ-ไทย) และทำเนียบผู้ผลิต-จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปและบรรจุอาหาร
จัดทำโดยการนำ คอมพิวเตอร์มาเป็นเครื่องมือ ในการแจกแจงความถี่ของคำจากคลังข้อมูลทางภาษา (Corpus) ตลอดจนช่วยในการให้คำจำกัดความและการยกตัวอย่างการใช้คำในประโยค วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสำรวจตำราภาษาอังกฤษที่ใช้ในวงการวิศวกรรมอาหารและนำมาสร้างเป็นคลังข้อมูลทางภาษา (Corpus) เพื่อการพัฒนาพจนานุกรมศัพท์เฉพาะสาขาวิศวกรรมอาหาร 2. เพื่อสร้างพจนานุกรมศัพท์เฉพาะ (อังกฤษ-ไทย) สาขาวิศวกรรมอาหาร โดยพัฒนาวิธีการจัดทำให้มีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการสากล เพื่อสนองความต้องการของประเทศ 3. เพื่อให้เกิดการวิจัยลักษณะสหสาขาวิชาการ ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และภาษาศาสตร์โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ระเบียบวิธีวิจัย 1. รวบรวมหลักสูตรการศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอาหารทั้งหมดจากสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนในประเทศไทย (ข้อมูลในปี 2545) ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันเทคโนโลยี่ราชมงคล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเชีย 2. คัดเลือกวิชาที่อยู่ในหมวดวิชาเฉพาะของภาควิชาวิศวกรรมอาหาร และจัดกลุ่มวิชาทั้งหมด แยกเป็นหมวดหมู่ 3. จัดทำแบบสอบถามเกี่ยวกับหนังสือภาษาอังกฤษ (Textbooks) และวารสาร (Journals) ที่ใช้ประกอบการสอน ในแต่ละรายวิชาโดยส่งทางไปรษณีย์และสัมภาษณ์อาจารย์ผู้สอนในกรณีที่สามารถสัมภาษณ์ได้ 4. รวบรวมแบบสอบถามทั้งหมด คัดเลือกหนังสือและวารสารเพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูล กิตติกรรมประกาศ ขอขอบคุณอาจารย์ประจำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันเทคโนโลยี่ราชมงคล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าธนบุรี สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเชีย และสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่อนุเคราะห์ให้ข้อมูล ตลอดจนสภาวิจัยแห่งชาติที่ให้ทุนงบประมาณแผ่นดิน ประจำปี 2546 สนับสนุนการวิจัยนี้
แกะรอยปัญหาอาหารกระป๋อง
จากประสบการณ์ในวงการผลิตกระป๋องและการบรรจุอาหารกระป๋องมาประมาณ 20 ปี โดยมีหน้าที่หลักในการแก้ปัญหาของผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องและการหา Heat Penetration ในผลิตภัณฑ์ จึงพบว่าปัญหาที่พบบ่อยๆ ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในโรงงานเดียวกันหรือแม้แต่ต่างโรงงานกัน โดยมากมักมีต้นเหตุมาจากปัจจัยเหมือนๆกัน 20 ปีที่ผ่านมานี้ ปัญหาหลักๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคได้รับการดูแลและพัฒนาปรับปรุงให้ก้าวหน้าไปมากจนถือได้ว่าประเทศไทยอยู่ในแนงหน้าของผู้ผลิตอาหารกระป๋องของโลก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคสูงขึ้น และตลาดที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความต้องการที่ละเอียดอ่อนมากขี้นได้แก่ ความปลอดภัยในการบริโภคระยะยาวจากสารที่อาจจะ Migrated ออกมาจากแลคกอร์ หรือการไม่ยอมรับต่อรูปลักษณ์ภายนอกรูปลักษณ์ภายใน สีสันของอาหาร หรือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งแต่เดิมเป็น Cosmetic Appearance คือ ไม่มีผลต่อความปลอดภัยแต่ทำให้ผู้บริโภคไม่ชอบหรือไม่มั่นใจในการบริโภค ดังนั้น ปัจจัยส่วนใหญ่ที่ยังเป็นประเด็นอยู่ขณะนี้ จึงเป็นปัญหาในการ Set Up ระบบพื้นฐานที่ถูกต้องที่สำคัญคือ การปรับปรุงคุณภาพของน้ำใช้และไอน้ำ เอกสารคู่มือการแกะรอยปัญหาอาหารกระป๋อง (ฉบับเฉพาะกิจ) พร้อมสรุปถาม-ตอบปัญหายอดฮิต (FAQ) จึงเป็นพื้นฐานที่สรุปรวบรวมสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาอย่างฟันธง ตรงไปตรงมาจากประสบการณ์ตรงของผู้บรรยายและสามารถนำความรู้นี้ไปปฏิบัติและแก้ปัญหาภายในโรงงานได้จริง
ปั๊มสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา
ปั๊ม เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการขนถ่ายของเหลว ในขั้นตอนต่างๆ ของอุตสาหกรรม ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการผลิต โดยใช้เป็นอุปกรณ์ลำเลียงผลิตภัณฑ์ระหว่างการผลิต หรือเป็นปั๊มที่ใช้ในส่วนสนับสนุนการผลิต ซึ่งไม่ได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรง เช่น ในระบบบำบัดน้ำเสีย ถึงแม้ว่า หนังสือเกี่ยวกับปั๊มในอุตสาหกรรมในเมืองไทยมีอยู่แล้วหลายเล่ม แต่เป็นหลักการโดยทั่วไป ปัจจุบันยังไม่มีหนังสือเล่มใดเน้นเฉพาะเกี่ยวกับปั๊มในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา และเวชสำอาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องบริโภคเข้าสู่ร่างกายหรือสัมผัสกับร่างกาย ปั๊มที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรงจำเป็นต้องเป็นปั๊มที่ต้องมีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ เนื่องจากเน้นเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย นอกจากนี้ยังต้องไม่ทำลายคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการขนถ่าย ด้วยทีมงานที่มีความตั้งใจจริงที่จะผลิตหนังสือ ปั๊มสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา ให้เป็นประโยชน์ต่อบุคลากรในอุตสาหกรรมอาหารและยา มีเนื้อหาที่สอคล้องกับการใช้งานจริงในโรงงาน ซึ่งได้จากการผสาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ถูกต้อง จากนักวิชาการภาครัฐและเอกชน เนื่อหาประกอบด้วย เรื่องความหนืดของของเหลวทั่วไป รวมทั้งอาหารเหลว ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อการเลือกปั๊มได้ถูกประเภทเหมาะสมกับการใช้งาน การเลือกขนาดของปั๊ม การเลือก Mechanical seal การติดตั้งปั๊ม ตลอดจนการบำรุงรักษาปั๊ม บทความพิเศษเกี่ยวข้องกับปั๊มในอุตสาหกรรมอาหารและยา จากบริษัทเอกชนชั้นนำ เพื่อการเลือกและใช้งานปั๊มอย่างมีประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมีรายนามและรายละเอียดของผู้ผลิต-จำหน่ายปั๊ม วาล์ว ข้อต่อ ท่อ และผู้วางระบบ ในอุตสาหกรรมอาหารและยา เพื่อเป็นข้อมูลให้ฝ่ายจัดซื้อในการพิจารณาเลือกซื้อตามความเหมาะสม